ร.ร.เปิดเรียนออนไซด์ แล้วเกือบ 80% ศธ.ย้ำแผนเผชิญเหตุ-มาตรการ6-6-7

ร.ร.เปิดเรียนออนไซด์ แล้วเกือบ 80% ศธ.ย้ำแผนเผชิญเหตุ-มาตรการ6-6-7

ศธ.เผยโรงเรียนเปิดเรียนออนไซด์ แล้วเกือบ80% เร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนครู- นักเรียน พร้อมกำหนดแผนเผชิญเหตุ ย้ำโรงเรียนต้องปฎิบัติตามมาตรการป้องกันโรค 6-6-7 อย่างเคร่งครัด ด้านแพทย์ เชื่อโรงเรียนไทยพร้อมเปิดเรียนหากเตรียมมาตรการป้องกันดี

วันนี้ (2 ก.พ.2565) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และกระทรวงมหาดไทย(มท.) จัดแถลงข่าว “วัคซีนเด็ก เติมภูมิคุ้มกัน มั่นใจเปิดเรียน On Site พร้อมใช้แผนเผชิญเหตุทุกสถานการณ์” เพื่อสร้างความเชื่อมั่น มั่นใจให้แก่ผู้ปกครอง ประชาชน ว่าทุกหน่วยงานได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสร้างภูมิคุ้มกันแก่ครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียนนักศึกษาครอบคลุมทุกพื้นที่

  • ศธ.เร่งฉีดวัคซีนครู-นักเรียนเกิน 90กว่า%

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่าตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าที่ผ่านมา คนทั้งโลกเผชิญกับการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งตอนแรกของการเกิดโรคระบาดทุกคนมีความกังวล เพราะต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต ทั้งการทำงานที่บ้าน การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล การงดไปในสถานที่เสี่ยงต่างๆ แต่วันนี้ทุกคนเริ่มเข้าใจและรู้ว่าต้องใช้ชีวิตอย่างไรกับโควิด-19

หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการศึกษาทั้งหมดมีความเป็นห่วงนักเรียนนักศึกษา  โดยมีการดำเนินการเพื่อให้เด็กๆ ไม่ขาดกระบวนการเรียนรู้ ทั้งการอนุมัติให้มีการฉีดวัคซีนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน โดยเฉพาะอายุ 12-18 ปี และ 5-11 ปี เพื่อให้สถานศึกษาเป็นสถานที่ปลอดภัยแก่เด็กๆ โดยในกลุ่มครูนั้นได้มีการฉีดวัคซีนเข็มแรกไปกว่า 90% และเข็ม2 กว่า 80-90% เช่นเดียวกับนักเรียนในกลุ่มอายุ 12-18 ปี ที่ได้ฉีดวัคซีนเข็มแรกและเข็ม2 ไปแล้วกว่า 80% และขณะนี้กำลังรณรงค์ให้เด็กอายุ 5-11 ปีได้เข้ารับวัคซีนเช่นเดียวกัน” รมว.ศธ. กล่าว

 

  • โรงเรียนใน40 จ.เปิดเรียนออนไซต์ แล้วเกือบ 80%

ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ศธ.ได้มีความร่วมมือกับหลายๆ หน่วยงาน  โดยเฉพาะสธ. ในการฉีดวัคซีนให้แก่ครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน ร่วมถึงมาตรการป้องกันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น 6-6-7 และการจัดทำแผนเผชิญเหตุ โรงเรียนจะเปิดเรียนออนไซด์ได้ต้องผ่านการมาตรการและควบคุมของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด

รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า แม้จะมีโควิด-19 แต่การเรียนรู้ของเด็กต้องไม่หยุดนิ่ง ขอให้ทุกคนตระหนักถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่อย่างตระหนก ปฎิบัติมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด และการเปิดเรียนออนไซด์ของแต่ละโรงเรียน ขอให้เชื่อมั่น  เพราะทุกโรงเรียนได้ดำเนินการตามมาตรการของสธ.อย่างเคร่งครัด

ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า  การเปิดเรียนเป็นจุดสำคัญของการเรียนรู้ ทั้งด้านองค์ความรู้ การพัฒนาทางร่างกายและจิตใจ  ซึ่ง ศธ.อาจไม่ใช่เพียงหน่วยงานเดียวที่จัดการศึกษา แต่เป็นกระทรวงที่รับผิดชอบโรงเรียน และนักเรียนมากที่สุด โดยมีโรงเรียนในสังกัดสพฐ.มากกว่า 34,000 โรง

ทั้งนี้ จากการสำรวจภายใน 2 วันที่ผ่านมา โดยมีโรงเรียนใน 40 จังหวัดเข้าร่วมนั้น พบว่า ขณะนี้มีโรงเรียนเปิดการเรียนการสอนแบบออนไซด์ ประมาณ 79.32% หรือ เกือบ 80% โดยในจำนวนดังกล่าว มีประมาณ 2 จังหวัดที่มีการเปิดเรียนออนไซด์เพียง 20 กว่า % คือ จังหวัดภูเก็ต 21.66% และจ. ระยอง 29.27%

ส่วนอีก 37 จังหวัดที่เหลือนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการสำรวจข้อมูล หรือบางจังหวัดยังไม่สามารถเปิดเรียนแบบออนไซด์ได้ ซึ่งหลังจากนี้ จะมีการสำรวจอย่างต่อเนื่อง และหากโรงเรียนหรือพื้นที่ใดไม่สามารถเปิดเรียนแบบออนไซด์ได้ หรือมีปัญหาอย่างไร ทางศธ.จะเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือ

 

  • เชื่อโรงเรียนพร้อมเปิดเรียนออนไซต์

นพ.กำธร มาลาธรรม ที่ปรึกษาสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในการประชุมนี้เห็นตัวอย่างชัดเจนว่าทำไมต้องเปิดเรียนออนไซด์  เพราะมีข้อจำกัดของเทคโนโลยี นอกจากนั้น การเรียนออนไลน์ เป็นที่ยอมรับว่าไม่มีปฎิกริยาระหว่างเด็กกับครู หรือเด็กกับเด็ก  ทั้งโรงเรียนและผู้ปกครอง ต้องมีการคัดกรองร่วมกัน  ด้วยสถานการณ์ ณ ขณะนี้ เราสามารถมีความพร้อมให้สามารถเปิดเรียนได้ ถ้ามีการเตรียมการที่ดี

ส่วนพื้นที่ที่โรงเรียนไม่สามารถเปิดออนไซด์ได้ ควรจะมีมาตรการที่เหมาะสม  และสำรวจปัญหาว่าแต่ละโรงเรียนเป็นอย่างไร รวมถึงเรื่องระยะห่าง ที่หลายๆ โรงเรียนอาจต้องมีการปรับให้เหมาะสม หรือในสถานการณ์ที่ไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ อาจจะต้องให้นักเรียนทุกคนใส่หน้ากากตลอดเวลา หรือชั่วโมงของการรับประทานอาหาร ซึ่งอาจต้องเปิดหน้ากากเป็นไปได้หรือไม่ที่อาจจัดช่วงเวลาในการรับประทานอาหาร  เป็นต้น

  • ชวนผู้ปกครอง-นร.ฉีดวัคซีน เปิดเรียนออนไซต์

ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่าสพฐ.ได้มีความพยายามจัดการเรียนการสอนในรูปแบบที่หลากหลายทั้ง 5 รูปแบบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีการที่จะทำให้เกิดคุณภาพการเรียนรู้ที่ดีที่สุดแก่เด็ก คือ การจัดเรียนออนไซด์ เพื่อสร้างองค์ความรู้และทักษะให้แก่นักเรียนสมบูรณ์ที่สุด ซึ่งจากการสำรวจโรงเรียนในสังกัดสพฐ.ทั่วประเทศ พบว่าขณะนี้โรงเรียนในทุกจังหวัดมีการเปิดเรียนออนไซด์แล้ว แต่มีบางจังหวัดอาจมีโรงเรียนเปิดเรียนออนไซด์เพียง 10 โรงเรียน ดังนั้น  อยากสื่อสารกับทางโรงเรียน ผู้ปกครอง ให้ร่วมกันเปิดเรียนออนไซต์ให้เกิดความปลอดภัย ไม่มีความติดเชื้อ หรือหากมีการติดเชื้อจะมีแผนการเผชิญเหตุที่สามารถป้องกันได้

อยากรณรงค์ให้พ่อแม่ผู้ปกครอง นักเรียนมาฉีดวัคซีนให้ได้ครบทั้งเข็มที่1และฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 อยากให้มีแผนเผชิญเหตุหากมีการติดเชื้อ และอยากให้ทุกโรงเรียนดำเนินการตามมาตรการ 6-6-7 อย่างเคร่งครัด และโรงเรียนต้องประเมินตนเองให้ผ่านเกณฑ์ทั้ง 44 ข้อ และเสนอความเห็นมายังคกก.โรคติดต่อจังหวัดเพื่อพิจารณาการเปิดเรียนออนไซด์" ดร.อัมพร กล่าว