สธ.ยังไม่ลดเตือนภัยโควิดระดับ 4 ระบาดยังไม่ถึงจุดสูงสุด

สธ.ยังไม่ลดเตือนภัยโควิดระดับ 4 ระบาดยังไม่ถึงจุดสูงสุด

สธ.ยังไม่ลดระดับเตือนภัยโควิด19 คงไว้ที่ระดับ 4  ย้ำประชาชนยังควรปฏิบัติตามคำแนะนำ งดเข้าถสานที่เสี่ยง งดร่วมกลุ่มกิจกรรมจำนวนมากเวลานาน ชะลอการเดินทางที่ยังไม่จำเป็น  ย้ำผับบาร์ปรับเป็นร้านอาหารทำมาตรการไม่ได้ ใช้ “Target Lockdown”

      เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2565 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้การติดเชื้อโควิด 19 ในประเทศไทยกลุ่ม 8 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวพบแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี ส่วนจังหวัดอื่นๆ ยังทรงตัว เช่น ชลบุรีแนวโน้มลดลง ภูเก็ตก็ยังทรงตัว เป็นต้น สธ.จึงแจ้งเตือนภัยโควิด 19 และการปฏิบัติตัวของประชาชนยังอยู่ในระดับ 4 โดยขอให้งดเข้าสถานที่เสี่ยง งดการร่วมกิจกรรมเป็นเวลานาน และชะลอการเดินทางที่ไม่จำเป็น ซึ่งการเตือนภัยนี้ ทำให้สามารถชะลอการระบาดได้ตั้งแต่ต้นปี แต่ตอนนี้บางจังหวัดดีขึ้น บางจังหวัดก็เพิ่มมากขึ้น จึงยังเตือนภัยที่ระดับ 4 ทั้งหมด แต่อยากเตือนโดยเฉพาะพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และ จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว ขอให้เคร่งครัดมาตรการมากขึ้น เพราะมีสัญญาณการแพร่ระบาดมากขึ้น

       กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์รายงานว่า การติดเชื้อโควิดช่วงต้น ม.ค. 2565 เป็นต้นมา พบว่า เป็นสายพันธุ์โอมิครอนประมาณ 87% โดยเฉพาะที่มาจากต่างประเทศเป็นโอมิครอนเกือบ 100% นอกจากนี้ ผู้ที่เคยติดเชื้อมาก่อนและติดเชื้ออีกครั้งพบว่า เป็นโอมิครอน 100% ส่วนผู้ที่รับวัคซีนครบแล้วติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นโอมิครอน แต่อาการไม่รุนแรง ดังนั้น การฉีดวัคซีน 2 เข็ม ป้องกันติดเชื้อไม่ค่อยได้ แต่ป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิตชัดเจน จึงต้องมีภูมิให้มากเพียงพอ จึงต้องฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนโควิด 19 ไปแล้วกว่า 112 ล้านโดส เข็มแรกครอบคลุม 72.1% เข็มสอง 67% และเข็มสาม 15.8% โดยการฉีดวัคซีนแต่ละวันเป็นเข็ม 3 เยอะที่สุดประมาณ 70%
       ขณะที่ กรมควบคุมโรคทำลักษณะการระบาดวิทยา พบว่า ผู้เสียชีวิตจากโควิดตั้งแต่ ม.ค. 2565 จำนวน 289 ราย พบว่า เป็นผู้สูงอายุเกิน 70 ปี 159 คน อายุ 60-69 ปี จำนวน 58 คน อายุ 50-59 ปี จำนวน 33 คน ส่วนกลุ่มอายุน้อยมีการเสียชีวิตน้อย การเสียชีวิตจึงแปรผันตามช่วงอายุ เพราะคนอายุมากมีโรคประจำตัวมาก ยิ่งอายุมากจึงยิ่งเสี่ยงเสียชีวิตกว่าคนอายุน้อย โดยกลุ่มอายุต่ำกว่า 40 ปีลงไป การเสียชีวิตแทบไม่แตกต่างกันมาก แต่ถ้าอายุ 70 ปีขึ้นไปพบว่าเสียชีวิตมากกว่าอายุ 60-69 ปีถึงครึ่งหนึ่ง หรือเสี่ยงอันตรายกว่า 2 เท่า กลุ่มนี้ต้องรับวัคซีนเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะฉีดเข็ม 3 หรือเข็ม 4 ในบางราย

"แม้โอมิครอนไม่รุนแรง แต่ก็อาจทำให้เกิดการเสียชีวิตในผู้สูงอายุได้ การฉีดเข็มกระตุ้นจึงจำเป็นมากในกลุ่ม 607 แม้จะเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่เสี่ยงติดเชื้อจากภายนอกน้อย แต่ก็มีโอกาสรับเชื้อจากลูกหลาน คนที่ไปเยี่ยม เพราะเชื้อโรคมองไม่เห็น และติดเชื้อไม่ค่อยมีอาการ เวลาไปเยี่ยมผู้ใหญ่ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปใกล้ชิด ก็ทำให้สูงอายุติดเตียงมีโรคประจำตัว เกิดการติดเชื้อได้ จึงอยากให้ระวังป้องกัน" นพ.เกียรติภูมิกล่าว

      ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ถือว่าการระบาดถึงจุดสูงสูดแล้วหรือไม่  นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า จุดสูงสุดน่าจะยังไม่ถึง แต่ใช้มาตรการเข้มข้นมาชะลอการติดเชื้อ เพราะน้ำไหลมาก็กั้นไว้ ฉากทัศน์ที่คาดการณ์ไว้ ก็ต้องพยายามไม่ให้การติดเชื้อขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของเส้นคาดการณ์ระดับสีเขียว

     มาตรการในผับบาร์คาราโอเกะ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ก็พิสูจน์แล้วว่าพื้นที่ปิดทำให้เกิดการระบาด การติดเชื้อโอมิครอนจำนวนมากครั้งใหญ่ก็เกิดในร้านอาการกึ่งผับที่ไม่เคร่งครัดทำให้ระบาด ก็อาจถือว่าเป็นต้นเหตุของการระบาดในครั้งนี้ก็ได้ อย่างไรก็ตาม การผ่อนปรน เน้นการใช้ชีวิตประจำวันช่วงกลางมากกว่า การจับจ่ายใช้สอย รับประทานอาหาร ออกกำลังกาย เดินทางติดต่อเป็นสำคัญ พยายามผ่อนปรนให้ส่วนใหญ่เดินได้ อย่างร้านอาหารตอนนี้มีร้องเพลงดนตรีได้ ผ่อนคลายระดับหนึ่ง แต่ต้องมีระยะห่าง 2-3 เมตร ซึ่งมีการประเมินตลอด หากพบการฝ่าฝืนก็ทำ Target Lockdown ปิดเฉพาะที่ที่ทำไม่ได้ตามมาตรฐาน แต่สถานบันเทิงที่ปรับเป็นร้านอาหารแล้วทำได้ตามมาตรฐาน หลายแห่งทำดีก็ทำต่อไปได้

      “การทำให้เป็นโรคประจำถิ่นในปีนี้ ก็เป็นความตั้งใจ แต่ไม่ได้แปลว่าจะเป็นโรคประจำถิ่นแล้วไม่ต้องทำอะไร อย่างไข้หวัดใหญ่ก็ฉีดวัคซีนทุกปี และแม้จะเป็นโรคประจำถิ่นอย่างไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก มาลาเรีย ก็ยังมีผู้เสียชีวิตทุกปี แต่น้อยมาก ซึ่งก็มีวิธีบริหารจัดการควบคุมโรค ก็ต้องฉีดวัคซีนต่อไป และต้องดูแลป้องกันไม่ให้ติดเชื้อโรค”นพ.เกียรติภูมิกล่าว