“ตรีนุช”ปักธงงบฯปี 66 มุ่งสร้างคุณภาพการศึกษา

“ตรีนุช”ปักธงงบฯปี 66 มุ่งสร้างคุณภาพการศึกษา

“ตรีนุช” มอบนโยบายทำคำของบประมาณ 2566 ของ ศธ. เน้น 7 เรื่องสำคัญ ปักหมุดปั้นโรงเรียนคุณภาพ ห้องเรียนคุณภาพ  ปรับอัตราเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน

วันนี้ ( 7 ม.ค.2565 ) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ของหน่วยงานในสังกัดและหน่วยงานในกำกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยมีผู้แทนจากสำนักงบประมาณเข้าร่วมฟังนโยบาย ว่า นโยบายและจุดเน้นปีงบฯ 2566 ของ ศธ. สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ เรื่องการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์ เชื่อมโยงกับแผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ในหมุดหมายที่ 12 คือ ไทยมีกำลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคต

 

  • 7 ธงปี2566 ยกระดับการศึกษาไทย

น.ส.ตรีนุช กล่าวต่อไปว่า จากการกำหนดนโยบายเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง กระทรวงศึกษาธิการ ยังคงยึดมั่นเดิน ตามแนวทางและนโยบายที่กำหนด โดยจุดเน้นในปีงบฯ 2566 นี้ มี  7 เรื่องสำคัญ คือ 1. การจัดการศึกษาเพื่อความปลอดภัย 2. การยกระดับคุณภาพการศึกษา 3. การสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษาทุกช่วงวัย 4. การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน  5. การส่งเสริมสนับสนุนวิชาชีพครู บุคลากรทางการศึกษาและบุคลากรสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ 6. การพัฒนาระบบราชการและบริการภาครัฐยุคดิจิทัล และ 7. การขับเคลื่อนกฎหมายการศึกษาและแผนการศึกษาแห่งชาติ

นอกจากนี้ยังมีเรื่องงบประมาณการจ้างครูผู้สอน ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ตลอดจนงบฯลงทุน ค่าก่อสร้างบ้านพักครู ของ สพฐ. และ ปรับอัตราเงินอุดหนุค่าใช้จ่ายรายหัวการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นอัตราที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2552 ให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อ และสามารถตอบโจทย์คุณภาพการศึกษาได้
 
“ ที่ผ่านมางบประมาณของ ศธ.ที่ได้รับกว่า 80 % เป็นงบฯดำเนินการ รายจ่ายประจำ เช่น เงินเดือนครู จะเหลืองบฯพัฒนาการศึกษา พัฒนาเด็กและพัฒนาครูน้อยมาก ดังนั้นปีงบฯ 2566 จะปักหมุดเรื่องการทำโรงเรียนคุณภาพ ห้องเรียนคุณภาพ เพื่อดึงดูดเด็กให้เข้ามาเรียนในโรงเรียนเหล่านี้ด้วยความเต็มใจและจะสามารถลดจำนวนโรงเรียนในสังกัด สพฐ.ที่มีมากถึง 30,000 กว่าแห่งลงได้ ซึ่งจะส่งผลให้มีงบฯเหลือเพื่อการพัฒนา  ขณะเดียวกันในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 ( Covid-19 ) ปัญหาที่เราเจอคือรูปแบบการเรียนการสอนที่เปลี่ยนไป ทำให้ ศธ.ต้องเร่งพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ โดยจะมีการทำแพลตฟอร์มการเรียนรู้เทคโนโลยีดิจิทัล ให้เด็กสามารถเลือกใช้ได้ และพัฒนาครูที่ตอบโจทย์การเรียนรู้รูปแบบใหม่ด้วย”รมว.ศธ. กล่าว.