รู้แล้ว! สาเหตุผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษจ.จันทบุรีกว่า 700 ราย

รู้แล้ว! สาเหตุผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษจ.จันทบุรีกว่า 700 ราย

กรมควบคุมโรค ติดตามกรณีพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษในจ.จันทบุรี ตรวจเชื้อพบเป็น "ไวรัสโนโร" พร้อมแนะนำให้ประชาชนยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” ป้องกันโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่าพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษเพิ่มสูงขึ้นใน จ.จันทบุรี นั้น กรมควบคุมโรค ได้มอบหมายให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จ.ชลบุรี (สคร.6 ชลบุรี) ลงพื้นที่สอบสวนโรค เพื่อสนับสนุนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี และหน่วยงานในพื้นที่ ซึ่งจากรายงานในเบื้องต้นพบว่าเมื่อเทียบกับ 5 ปีย้อนหลัง ในช่วงเวลาเดียวกันของแต่ละปี มีเพียง อ.เมือง ซึ่งเป็นเขตที่มีผู้คนอาศัยหนาแน่นเท่านั้น ที่พบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติ แต่อาการไม่รุนแรง และไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิต ส่วนสาเหตุหลักคาดว่าเกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส
ทั้งนี้ ต้องรอผลแลปจากตัวอย่างน้ำและอาหารที่ส่งตรวจเพื่อมายืนยันการระบาด และจากการสอบสวนเพิ่มเติมยังพบว่า อาหารที่ผู้ป่วยรับประทานก่อนมีอาการป่วย มีความหลากหลายเป็นอาหารทั่วไปไม่ได้จำเพาะ

 สถานการณ์ผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษและอุจจาระร่วง ที่จังหวัดจันทบุรี จากระบบรายงานของกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ระหว่าง วันที่ 1-28 ธันวาคม 2564

พบผู้ป่วยจำนวน 589 ราย ซึ่งพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 19-25 ธันวาคม 2564

โดยพบผู้ป่วยสะสมถึงวันที่ (28 ธ.ค.64) จำนวน 273 ราย เป็น

  • เพศชาย 99 ราย
  • เพศหญิง 174 ราย

- กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงสุด ได้แก่

  • 20-29 ปี (31.14%)
  • เด็กแรกเกิด-9 ปี (16.85%)
  • 10-19 ปี (15.75%) ตามลำดับ

จำนวนผู้ป่วยอาหารเป็นพิษและอุจจาระร่วง เริ่มเพิ่มสูงผิดปกติ ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 64 เป็นต้นมา เพิ่มสูงขึ้นมาก ช่วง 27-29 ธ.ค. 64 เมื่อรวมกับผู้ป่วยใหม่ที่มีรายงานเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน ตั้งแต่วันที่ 25-29 ธ.ค. 64 อีก 455 ราย รวมเป็น 728 ราย ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน และเด็กเล็ก อาการไม่รุนแรง มีถ่ายเหลว คลื่นไส้ ปวดท้อง ไข้บางราย พบผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดเฉพาะในบางตำบลเท่านั้น โดยในขณะนี้จำนวนผู้ป่วยใหม่รายวันที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเริ่มลดลงแล้ว เหลือเพียงวันละ 30-40 ราย จากเดิมช่วงสูงสุดประมาณวันละ 60-70 ราย ซึ่งในจำนวนผู้ป่วยรายใหม่เหล่านี้ ผลจากการตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พบเชื้อก่อโรคในผู้ป่วยหลายราย เป็นเชื้อไวรัสโนโร ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุหลักในการพบผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติในครั้งนี้

นายแพทย์โอภาส กล่าวต่อไปว่า โรคอาหารเป็นพิษ สามารถเกิดจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือพยาธิและสารพิษทั้งจากพืช สัตว์ สารเคมี หรือโลหะหนัก ภายในระยะเวลาอย่างน้อย 2-6 ชั่วโมง หรือ 2-3 วัน ผู้ที่ป่วยมักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำหรือมีมูกเลือด ปวดมวนท้องถ ปวดศีรษะ คอแห้งกระหายน้ำ อาจมีไข้ร่วมด้วย ความรุนแรงขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่รับเข้าไป หากเกิดในผู้สูงอายุ อาจทำให้ขาดน้ำ ถึงขั้นช็อคหมดสติได้

 

การช่วยเหลือผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษเบื้องต้น

  • ให้ผู้ป่วยดื่มสารละลายผงเกลือแร่ (ORS) ทีละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ
  • หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบพาไปพบแพทย์ทันที
  • ORS ประชาชนสามารถเตรียมเองได้ง่ายๆ โดยเติมน้ำตาลทราย 6 ช้อนชาและเกลือครึ่งช้อนชา ผสมกับน้ำสะอาด 1 ลิตร (1,000 ซีซี)


วิธีการลดความเสี่ยงป่วยและป้องกันโรคอาหารเป็นพิษ ขอให้ประชาชน ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” โดยรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ไม่รับประทานอาหารดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ อาหารที่เก็บไว้นาน 2 ชั่วโมง ต้องนำมาอุ่นร้อนให้ทั่วถึงก่อนรับประทานทุกครั้ง เลือกบริโภคอาหาร น้ำและน้ำดื่มที่สะอาดมีเครื่องหมาย อย. ล้างมือด้วยน้ำสบู่และน้ำสะอาดทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำหรือสัมผัสสิ่งสกปรกทุกครั้ง รวมถึงผู้ปรุงอาหารต้องล้างมือให้สะอาดก่อนปรุงประกอบอาหารทุกครั้ง หากอาหารที่รับประทานมีกลิ่น รส หรือรูปเปลี่ยนไป ไม่ควรรับประทานต่อ” นายแพทย์โอภาส กล่าว ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422