กรม สบส.ลงตรวจอิสคิวท์คลินิก ห้วยขวาง แกะรอยหมอเถื่อน

กรม สบส.ลงตรวจอิสคิวท์คลินิก ห้วยขวาง แกะรอยหมอเถื่อน

กรม สบส.ลงตรวจอิสคิวท์คลินิก ห้วยขวาง แกะรอยหมอเถื่อน หลัง "พิมรี่พาย" แจ้งถูกหญิงสาวรายหนึ่งแอบนำเอกสารของแพทย์จริงมา สวมรอยสมัครงานในคลินิกที่ตนเป็นหุ้นส่วนอยู่

บ่ายวันนี้ (17 ธันวาคม 2564) นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ       (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของกรณีดังกล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กองกฎหมาย กรม สบส.ดำเนินการประสานขอข้อมูลกับพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.พร้อมลงพื้นที่ ณ อิสคิวท์คลินิกเวชกรรม สาขาห้วยขวาง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันนี้ โดยจากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าคลินิกดังกล่าวมีการขึ้นทะเบียนและขออนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ตรวจสอบการดำเนินงานของคลินิกว่าเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ พร้อมตรวจสอบเอกสารทางการแพทย์ เวชระเบียน และบันทึกถ้อยคำจากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งพบว่าหมอเถื่อนรายดังกล่าวมาเริ่มให้บริการฉีดสารเสริมความงาม (ฟิลเลอร์/โบท๊อกซ์) ณ  อิสคิวท์คลินิกเวชกรรม สาขาห้วยขวาง  ในวันที่ 12-14 ธันวาคม 2564 โดยมีผู้รับบริการ จำนวน 12 ราย  ก่อนที่ทางคลินิกจะสืบทราบทำให้ผู้ต้องสงสัยหลบหนีไป ซึ่งในกรณีของหมอเถื่อนที่ลักลอบให้บริการในสถานพยาบาลนั้น

นอกจากบทลงโทษตามกฎหมายพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 กับหมอเถื่อนแล้ว หากพบว่าผู้ดำเนินการสถานพยาบาลมีส่วนรู้เห็นก็จะมีการดำเนินคดีในความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐานปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

กรม สบส.ลงตรวจอิสคิวท์คลินิก ห้วยขวาง แกะรอยหมอเถื่อน

นอกจากนี้ยังพบความผิดในด้านอื่นๆ เช่น คลินิกมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ใช้สอยโดยไม่ได้รับอนุญาต   การโฆษณาที่ผิดกฎหมาย และการไม่แจ้งรายชื่อของแพทย์ผู้ให้บริการกับผู้อนุญาต ซึ่งจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายแพทย์ธเรศฯ กล่าวต่อว่า การที่มีสถานพยาบาลปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นที่มิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพมาแอบสวมรอยให้บริการในสถานพยาบาลนั้น นอกจากจะมีบทลงโทษตามกฎหมายแล้ว ยังมีผลต่อชื่อเสียงของสถานพยาบาล อาจเป็นอันตรายต่อผู้รับบริการ จึงขอเน้นย้ำให้ผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการสถานพยาบาล มีการคัดกรอง ตรวจสอบประวัติ และเอกสารหลักฐานในการรับสมัครผู้ให้บริการประจำสถานพยาบาลอย่างเข้มงวด โดยอาจจะต้องให้ผู้สมัครแสดงเอกสารฉบับจริงประกอบกับสำเนาในการสมัครงาน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดความเสียหายของสถานพยาบาลและผู้รับบริการ