WHO ยืนยันยังไม่พบผู้เสียชีวิตจาก "โอมิครอน"

WHO ยืนยันยังไม่พบผู้เสียชีวิตจาก "โอมิครอน"

"ศบค." รายงานสถานการณ์โควิดทั่วโลก ติดเชื้อรายใหม่ 5.26 แสนราย ด้าน "WHO" ระบุ ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจาก "โอมิครอน" ขณะที่แอฟริกาใต้ พบผู้ติดเชื้อทะลุ 3 ล้านราย ด้าน สหรัฐ เจอโอมิครอนในอีก 6 รัฐ แต่เดลตายังเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ในสหรัฐ

วันนี้ (5 ธ.ค. 64) ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. รายงาน "สถานการณ์โควิด-19" ทั่วโลก ติดเชื้อรายใหม่ 526,665 ราย ยอดผู้ติดเชื้อรวม 265,702,506 ราย อาการรุนแรง 86,665 ราย รักษาหายแล้ว 239,366,096 ราย เสียชีวิต 5,264,082 ราย

 

  • อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด

 

1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 49,934,791 ราย

2. อินเดีย จำนวน 34,632,615 ราย

3. บราซิล จำนวน 22,138,247 ราย

4. สหราชอาณาจักร จำนวน 10,421,104 ราย

5. รัสเซีย จำนวน 9,769,011 ราย

ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 24 จำนวน 2,141,241 ราย

 

WHO ยืนยันยังไม่พบผู้เสียชีวิตจาก "โอมิครอน"

 

  • WHO ยืนยันยังไม่พบผู้เสียชีวิตจาก "โอมิครอน"

 

องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า ได้ตรวจพบไวรัส โควิด -19 สายพันธุ์โอมิครอนในอย่างน้อย 38 ประเทศทั่วโลก แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าว  ขณะที่มีการเตือนว่า "โอมิครอน" อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และออสเตรเลียเป็นประเทศล่าสุดที่ยืนยันการพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนภายในประเทศ

 

ขณะที่การระบาดของโอมิครอนทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อโควิดใน แอฟริกาใต้ พุ่งทะลุ 3 ล้านรายแล้ว WHO เตือนว่า อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์เพื่อบ่งชี้ว่า ไวรัสโอมิครอนแพร่เชื้ออย่างไร และทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยที่รุนแรงขึ้นหรือไม่ รวมทั้งประสิทธิภาพของการรักษาและวัคซีนในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าว

 

WHO เปิดเผยว่า ยังไม่มีรายงานการพบผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ โอมิครอน แต่การแพร่ระบาดของโอมิครอนทำให้มีการเตือนว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในยุโรปจำนวนมากกว่าครึ่ง อาจติดเชื้อจากโอมิครอนในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า

 

WHO ยืนยันยังไม่พบผู้เสียชีวิตจาก "โอมิครอน"

  • สหรัฐ เจอโอมิครอนในอีก 6 รัฐ 

 

ผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยว่า รัฐอีก 6 แห่งในสหรัฐยืนยันการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน แต่ก็ระบุว่า ไวรัสสายพันธุ์ดลตายังคงเป็นภัยคุกคามมากกว่าขณะที่เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว และชาวอเมริกันจะรวมตัวกันในช่วงวันหยุด รัฐนิวเจอร์ซีย์, แมริแลนด์, มิสซูรี, เนแบรสกา, เพนซิลเวเนีย และยูทาห์ ต่างรายงานการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในวันศุกร์

 

ขณะที่ รัฐมิสซูรี กำลังรอการยืนยันจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเกี่ยวกับการติดเชื้อของผู้อยู่อาศัยรายหนึ่งในเซนต์หลุยส์ซึ่งเพิ่งเดินทางภายในสหรัฐ บรรดานักวิทยาศาสตร์ยังคงตรวจสอบผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่สามารถแพร่เชื้อได้ในระดับสูง ซึ่งตรวจพบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ โดยหลักฐานเบื้องต้นบ่งชี้ว่า ไวรัสโอมิครอนอาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยที่น้อยกว่าสายพันธ์ก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์เดลตา

 

ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก และกระตุ้นให้หลายประเทศกำหนดข้อจำกัดครั้งใหม่เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด แต่ ดร.โรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการ CDC เปิดเผยในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวว่า เดลตายังคง เป็นไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในสหรัฐ

 

WHO ยืนยันยังไม่พบผู้เสียชีวิตจาก "โอมิครอน"

  • เยอรมนี ไฟเขียววัคซีน 4 ยี่ห้อ ไม่ต้องกักตัว 

 

ด้าน สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเบอร์ลิน เผยแพร่ประกาศสรุปมาตรการการเดินทางเข้าสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี จากประเทศไทย โดยเยอรมนีถอดไทยออกจากประเทศเสี่ยงสูงแล้ว ส่งผลให้ผู้เดินทางจากประเทศไทยไม่ต้องลงทะเบียนการเดินทางเข้าและไม่ต้องกักตัว แต่ต้องแสดงหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนเดินทางคือ มีผลการตรวจเชื้อฯเป็นลบ แบบ PCR Test หรือหลักฐานการได้รับวัคซีนครบถ้วน เฉพาะ BioNTech/Pfizer, Moderna, AZ และ J&J มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. 2564

 

ส่งผลให้ผู้เดินทางจากประทศไทยไม่ต้องลงทะเบียนการเดินทางเข้าสหพันธ์ฯ และไม่ต้องกักตัว อย่างไรก็ดี ผู้เดินทางจากประเทศไทยมายังสหพันธ์ฯ ยังต้องแสดงหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ก่อนเดินทาง

(1) ผลการตรวจเชื้อฯเป็นลบ แบบ PCR Test (ไม่เกิน 72 ชม.) หรือ Antigen Test (ไม่เกิน 48 ชม.)

หรือ (2) ประวัติการป่วยจากการติดเชื้อฯ (ผลการตรวจพบเชื้อฯ แบบ PCR Test อายุอย่างน้อย 28 วัน แต่ไม่เกิน 6 เดือน)

 

ทั้งนี้ มาตรการการเดินทางเข้าสหพันธ์ฯ จะมีการเปลี่ยนแปลง/เพิ่มเติม ตลอดเวลา สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงขอให้ผู้ประสงค์จะเดินทางมายังสหพันธ์ฯ ติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ

 

WHO ยืนยันยังไม่พบผู้เสียชีวิตจาก "โอมิครอน"