6 จังหวัด โควิด-19ต้องระวังเพิ่ม ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน-สูงขึ้น

6 จังหวัด โควิด-19ต้องระวังเพิ่ม ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน-สูงขึ้น

สธ.เผย  6 จังหวัด โควิด-19ต้องระวังเพิ่มอย่างใกล้ชิด 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมามีการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน-เพิ่มสูงขึ้น

   เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงสถานการณ์โควิด-19ของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ในหลายจังหวัดมีแนวโน้มค่อนข้างคงที่ ผู้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจลดต่ำกว่า 500 ราย ซึ่งเป็นรายเดิมที่ใส่ก่อนหน้านี้ ในภาพรวมหวังว่าจะลดลงเรื่อย ๆ ขณะที่อัตราการเสียชีวิตมีการแกว่งตัวค่อนข้างสูงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ การติดเชื้อ ในกทม. ในช่วง 7 วันที่ผ่านมามีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมี 6 จังหวัดที่ต้องระวังเพิ่มอย่างใกล้ชิด คือ นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ ตาก ระยอง จันทบุรี และ ขอนแก่น โดยจะเห็นว่า 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมามีการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนและเพิ่มสูงขึ้นจึงต้องมีการจับตามอง

   กรณีที่ จ.เชียงใหม่ พบการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ในตลาด และสถานประกอบการ พบเปอร์เซ็นต์การสัมผัสสูงในชุมชน และครอบครัว ทั้งนี้ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการประชุมติดตามสถานการณ์และวิเคราะห์ โดยตามสมมติฐานก่อนหน้านี้ว่ามีการเชื่อมโยงกับแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าว  เพราะมีการเคลื่อนย้ายเข้าพื้นที่ ส่วนนี้จึงสำคัญมากในการทำให้ได้รับการฉีดวัคซีนและมีมาตรการป้องกันต่างๆ รวมถึง การจะรับแรงงานต่างด้าวเข้ามาจะต้องเข้ามาตามช่องทางที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงเป็นอย่างดี

       “เชียงใหม่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวจึงมีความเข้มงวด มีการประเมินมาตรการต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่ถือว่าการเตรียมพร้อมทำได้เต็มที่ มีการเร่งรัดตรวจหาเชื้อด้วย ATK มีที่กักตัวที่บ้าน ที่ชุมชน เพื่อลดความหนาแน่นในรพ. ให้รพ.พร้อมรับผู้ป่วยกาอาการสีเหลือง สีแดง”นพ.เฉวตสรรกล่าว  

     นพ.เฉวตสรร กล่าวอีกว่า มีบางจังหวัดที่พบการติดเชื้อในเรือนจำสูงขึ้น เช่น ที่จังหวัดสุรินทร์ และขอนแก่น มีเลข 2 หลักต่อวัน ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่สุรินทร์มีผู้ติดเชื้อ 184 ราย และวันนี้ติดเชื้อ 328 ราย ส่วนที่ขอนแก่น รายงานเมื่อวันที่ 31 ต.ค. ติดเชื้อ 95 รายและ วันที่ 1 พ.ย. มีรายงานติดเชื้อ 100 ราย ซึ่งจะมีมาตรการควบคุมป้องกันโรคจากประสบการณ์เดิมมาใช้ในการควบคุมโรคในเรือนจำ
       นอกจากนี้ ยังพบการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อในบุคลากรการแพทย์ในกทม. 30 ราย ปริมณฑล 5 ราย และต่างจังหวัดรวม 25 ราย งานบุญบั้งไฟที่อุดรธานี 5 ราย งานแข่งฟุตบอล ที่จ.เลย 10 ราย ในกลุ่มแรงงานจันทบุรี 12 ราย ตราด 15 ราย โรงเรียน/วิทยาลัยที่แม่ฮ่องสอน 2 ราย เชียงใหม่ 2 ราย งานแต่งที่เชียงใหม่ 9 ราย กาญจนบุรี 8 ราย ร้านอาหารทะเลที่อุดีฯ 7 ราย แคคมป์คนงานที่ชลบุรี 30 รา นครนายก 36 ราย เชียงใหม่ 9 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 21 ราย

     นพ.เฉวตสรร กล่าวด้วยว่า กรณีพบผู้ติดเชื้อเป็นคลัตเตอร์ต่างๆ รวมถึงคลัสเตอร์แคมป์คนงานภายในกระทรวงสาธารณสุขนั้น ย้ำว่าจะอยู่ร่วมกันได้ อยู่ที่มาตรฐานควบคุม จึงไม่อยากให้วิตกกังวลเกินไป วิธีการคือมีการสอบสวนโรค ดูขอบเขตความสัมพันธ์ เชื่อมโยงเกี่ยวข้อง และมีบับ เบิ้ล แอนด์ ซีล ยังมีคนที่ไม่ติดเชื้อ จึงสามารถทำงานต่อได้ โดยไม่จำเป็นต้องปิด หรือหยุดกิจกรรมนั้นๆ ตอนนี้แคมป์คนงานก่อสร้างในกระทรวงสาธารณสุขได้รับการดูแลอย่างดี ขอให้อย่ากังวล มีการเฝ้าระวังสังเกตคนเกี่ยวข้องเพื่อให้แน่ใจในความปลอดภัย

      นพ.เฉวตสรร กล่าวต่อว่า กรณีที่ประเทศมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจากประเทศที่กำหนดคือ 63 ประเทศ ซึ่งก่อนเดินทางตรวจไม่พบเชื้อ เมื่อมาถึงประเทศไทยก็ตรวจซ้ำ หากไม่พบเชื้อ ก็สามารถไปเที่ยวที่พื้นที่ใดก็ได้ ไม่มีการจำกัด ไม่มีการกักตัว ดังนั้น พี่น้องทั้ง 77 จังหวัดอาจจะมีโอกาสเจอนักท่องเที่ยวเข้าไปในพื้นที่ได้ แต่ส่วนใหญ่คาดว่าน่าจะมีการเดินทางใน 17 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวหนาแน่นกว่า ซึ่งข้อหนึ่งคือนักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนแล้ว ขณะที่ผู้ประกอบการได้เตรียมการเพื่อรองรับอยู่แล้ว
    อีกทั้ง หน่วยงานด้านสาธารณสุขและภาคอื่น ๆ มีการเตรียมการรับรองหากเกิดเหตุการณ์สถานการณ์โรคระดับใดก็จะใช้แผนเผชิญเหตุดำเนินการอย่างไร และมีการเตรียมเอาไว้ให้หมดแล้ว แต่ขอความร่วมมือประชาชนในการป้องกันตนเองสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ เป็นต้น