สธ.เตรียมปลอดล็อกให้ขาย “ATK” ผ่านออนไลน์

สธ.เตรียมปลอดล็อกให้ขาย “ATK” ผ่านออนไลน์

“อนุทิน”เผยเตรียมลงนามในประกาศ ปลดล็อกขาย ATK นอกร้านขายยา คาดสัปดาห์หน้า เปิดช่องขายออนไลน์ ช่วยหาซื้อราคาถูกลง

เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจเยี่ยมการฉีดเข็ม 3 วัคซีนโควิด-19 ว่า เมื่อวานนี้(23 ก.ย.) มีการประชุมคณะกรรมอาหารและยา(อย.) โดยพิจารณา มีมติเห็นชอบให้มีการอนุญาตจำหน่ายชุดตรวจแอนติเจน เทสต์ คิท(ATK) ได้ทั่วไป ซึ่งจะต้องมีการสรุปมติและทำร่างประกาศ โดยตนเป็นผู้ลงนามก่อนประกาศใช้พระราชกิจจานุเบกษา  คาดว่าจะเป็นในสัปดาห์หน้า

       นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดสธ. กล่าวว่า เมื่อวานนี้มีการประชุมเรื่องการจัดหาชุดตรวจ ATK โดยกระทรวงสาธารณสุข จะจัดงบประมาณเพื่อจัดหา ATK ชนิดโฮมยูส(Home use) เพื่อสร้างความปลอดภัยให้บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่รับมือกับผู้ติดเชื้อ ด้วยการคัดกรอง 3 วันก่อนเข้ามาทำงาน เบื้องต้นให้องค์การเภสัชกรรม(อภ.)จัดซื้อ โดยเป็นชุดตรวจที่ผู้ผลิตจากประเทศเยอรมนี โดยฐานการผลิตอยู่ที่ประเทศจีน ราคาประมาณชุดละ 40 บาท

อ่านข่าว : "รพ.ด่านมะขามเตี้ย" ดูแลกลุ่มเสี่ยง-คนพิการ เข้าถึง "ATK" ไม่ต้องต่อคิว

ส่วนชุดตรวจ ATK สำหรับประชาชน จากเดิมที่มีการอนุญาตให้ขายเฉพาะในร้านขายยา ที่มีเภสัชกรประจำร้าน เมื่อวานนี้ที่ประชุมก็ได้เห็นชอบร่างประกาศ ในการอนุญาตให้ขายได้ทั่วไปตามร้านค้า หรือประชาชนทั่วไปสามารถรับสินค้าจากบริษัทผู้ผลิต หรือผู้นำเข้าที่ได้รับอนุญาตนำเข้าถูกต้องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) มีการรายงานสินค้าที่นำเข้า รายงานเรื่องการขาย ส่วนประชาชนทั่วไปสามารถซื้อมาขายทั่วไปได้ โดยไม่ต้องจดทะเบียน

ขณะนี้ร่างประกาศผ่านมติเห็นชอบจากคณะกรรมการแล้ว อยู่ระหว่างการจัดทำร่างกฎหมายพิจารณา เพื่อเสนอ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ลงนามและประกาศใช้ต่อไป ทั้งนี้ คาดว่ากลไกตลาดจะกดให้ราคาถูกลง แต่ก็ขอให้ประชาชนซื้อสินค้าจากผู้นำเข้าที่ได้รับอนุญาตจากอย.ถูกต้อง

     "จากนี้สามารถขายออนไลน์ได้ ประชาชนทั่วไปก็สามารถขายได้ แต่ผู้ซื้อจะต้องดูให้ดีว่าเป็นชนิดสำหรับประชาชนทั่วไปหรือไม่ และจะต้องมีภาษาไทยกำกับ ทาง อย. จะเร่งประชาสัมพันธ์จุดสังเกตสินค้าปลอม ซึ่งการขายออนไลน์ อาจมีการโฆษณาขาย โดยตามระเบียบแล้วจะต้องขออนุญาตโฆษณาขายสินค้าจาก อย. เนื่องจากยังเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ ดังนั้น หากไม่ได้ขออนุญาตก็จะมีความผิดตามกฎหมาย  อย่างไรก็ตาม อย.จะมีการสุ่มตรวจสินค้าในท้องตลาดให้ได้มาตรฐานเหมือนสินค้าทั่วไปที่ผ่านการรับรองแล้ว”นพ.ธงชัยกล่าว