เปิด 5 ข้อปฏิบัติ 'สถานพยาบาลเอกชน' โฆษณา 'จองวัคซีนโควิด-19'

เปิด 5 ข้อปฏิบัติ 'สถานพยาบาลเอกชน' โฆษณา 'จองวัคซีนโควิด-19'

'กรม สบส.' ยันไม่ห้าม 'สถานพยาบาลเอกชน' โฆษณา 'จองวัคซีนโควิด-19' แต่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ตามแนวทางการโฆษณา 5 ข้อ ป้องปรามการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง และคุ้มครองประชาชนให้ได้รับบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ปลอดภัย

วันนี้ (16 มิ.ย. 64) นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ('กรม สบส.') กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบัน การพัฒนา 'วัคซีนโควิด-19' มีความคืบหน้าไปอย่างมาก โดยภาครัฐก็มีการทยอยให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรค 'โควิด-19' กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงภาคเอกชนบางส่วน ก็ได้แสดงความจำนงที่จะนำเข้าวัคซีนทางเลือก มาให้บริการแก่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศได้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ต่อโรคติดต่ออันตรายนี้

ซึ่งภาครัฐยินดีที่จะให้การสนับสนุนภาคเอกชนในการให้บริการฉีด 'วัคซีนโควิด-19' ด้วยการที่สถานพยาบาลเอกชนที่กระจายอยู่ทั่วประเทศเข้ามาให้บริการฉีด 'วัคซีนโควิด-19' ย่อมส่งผลดีต่อพี่น้องประชาชนในการรับวัคซีนได้อย่างครอบคลุม และรวดเร็ว แต่เพื่อป้องปรามมิให้เกิดการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง และคุ้มครองประชาชนให้ได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพ มาตรฐานจาก 'สถานพยาบาลเอกชน' ในการโฆษณาหรือประกาศอันเป็นประโยชน์ทางการค้าของสถานพยาบาลจึงต้องขออนุมัติจากผู้อนุญาตเสียก่อน

5 ข้อปฏิบัติ เปิด 'จองวัคซีนโควิด-19'

ซึ่งในการโฆษณา 'จองวัคซีนโควิด-19' นั้น 'กรม สบส.' ได้มีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกำหนดแนวทางในการโฆษณาเบื้องต้นไว้ 5 ข้อดังนี้

1.วัคซีนป้องกันโรค'โควิด-19' ที่จะโฆษณาต้องได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยา และได้รับการอนุมัติให้โฆษณายาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

2.โฆษณาหรือประกาศเกี่ยวกับสถานพยาบาล กรณีการ 'จองวัคซีนโควิด-19' ต้องยื่นขออนุมัติจากผู้อนุญาต ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 คือ 'กรม สบส.' หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หากได้รับการอนุมัติแล้วจึงสามารถเผยแพร่โฆษณาได้

3.หากสถานพยาบาลมีการเรียกเก็บเงินมัดจำ หรือค่าใช้จ่ายใดๆ จากประชาชน หากไม่สามารถดำเนินการตามถ้อยคำที่ปรากฏในโฆษณา จะต้องคืนเงินมัดจำหรือค่าใช้จ่ายใดๆเต็มจำนวน

4.การกำหนดระยะเวลาในการฉีดวัคซีน ต้องกำหนดระยะเวลาให้ใกล้เคียงที่จะได้รับวัคซีนมาให้บริการจริงมากที่สุด เพื่อป้องกันมิให้ประชาชนเกิดความคาดหวังเกินจริงกับระยะเวลา และป้องกันมิให้ประชาชนต้องรอคอยเนิ่นนานจนเกินสมควร

5.ในการโฆษณาทุกครั้งต้องระบุข้อความ “รัฐบาลได้มีการจัดสรรวัคซีนโควิด 19 ให้กับประชาชนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย” และ “ส่วนการจองวัคซีนโควิด 19 ของสถานพยาบาลเอกชนเป็นทางเลือกหนึ่งที่ประชาชนสามารถเลือกรับบริการได้ แต่ต้องชำระค่าใช้จ่ายเอง” เพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาตัดสินใจก่อนรับบริการ

ด้าน ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดี 'กรม สบส.' กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมานั้นการโฆษณาจองวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ของสถานพยาบาลเอกชน มิได้มีการขออนุมัติอย่างถูกต้อง 'กรม สบส.' จึงต้องมีคำสั่งให้ระงับการโฆษณา ด้วยเนื้อหาของโฆษณาที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัตินั้นอาจจะมีข้อความที่ไม่ถูกต้อง สร้างความเข้าใจผิดแก่ประชาชน ประกอบกับที่ผ่านมา ภาคเอกชนก็ยังไม่มีกำหนดเวลาของวัคซีนที่เข้ามาอย่างชัดเจน และบางครั้งก็มีการเก็บค่ามัดจำ/ค่าจองซึ่งเป็นภาระของภาคประชาชน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความคาดหวังเกินจริงและร้องเรียนภายหลังได้

'กรม สบส.' จึงขอกำชับให้ 'สถานพยาบาลเอกชน' ที่ต้องการโฆษณาหรือประกาศที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ 'วัคซีนโควิด-19' ยื่นคำขออนุมัติโฆษณาหรือประกาศให้ถูกต้องทุกครั้ง โดยโฆษณาหรือประกาศฯ ที่ผ่านการอนุมัติแล้ว ย่อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้รับบริการ ช่วยลดปัญหาการฟ้องร้อง และป้องกันการถูกดำเนินคดีจากเจ้าหน้าที่ อีกทั้ง เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันด้านธุรกิจสถานพยาบาล ที่กำหนดให้การโฆษณาหรือประกาศฯ จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน

หาก 'สถานพยาบาลเอกชน' แห่งใดมีข้อคำถาม หรือต้องการคำแนะนำในการขออนุมัติโฆษณาหรือประกาศของสถานพยาบาล ก็สามารถติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่กองกฎหมาย 'กรม สบส.' ผ่านสายด่วน 1426 หรือสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ ในวันและเวลาราชการ