สธ.ผลักดันการดูแลสุขภาพจิตช่วงโควิด-19 กระจายบริการจิตเวชสู่ชุมชน

สธ.ผลักดันการดูแลสุขภาพจิตช่วงโควิด-19 กระจายบริการจิตเวชสู่ชุมชน

สธ. ร่วมประชุม คกก.บริหารองค์การอนามัยโลก ครั้งที่ 148 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ผลักดันให้เกิดการดูแลสุขภาพจิตในระยะยาวจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 กระจายบริการจิตเวชสู่ชุมชน ส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพจิตรับมือภาวะฉุกเฉินและลดการตีตรา

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขไทย ได้ร่วมประชุมทางไกลคณะกรรมการบริหารองค์การอนามัยโลก ครั้งที่ 148 ในฐานะประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลกที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหาร โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมการแพทย์ กรมสุขภาพจิต สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
กองการต่างประเทศ สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมหิดล สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เข้าร่วมการประชุม


นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยได้ให้ข้อเสนอแนะต่อที่ประชุมในประเด็นการเตรียม
ความพร้อมด้านสุขภาพจิตและการตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เข้าเป็นวาระการประชุม โดยที่ประชุมได้ตัดสินใจร่วมกันในการเน้นย้ำความสำคัญของการดูแลสุขภาพจิตในระยะยาวจากผลกระทบของโรคโควิด 19 การกระจายบริการทางจิตเวชไปในชุมชน การส่งเสริมความรอบรู้ในเรื่องสุขภาพจิต เพื่อรับมือกับภาวะฉุกเฉินและลดการตีตรา เป็นต้น

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก
ยังได้ขอบคุณประเทศไทย อิตาลี และแอฟริกาใต้ ที่ให้การสนับสนุนข้อริเริ่มขององค์การอนามัยโลกในการสร้างคลังเก็บรักษาทรัพยากรชีวภาพที่สมาพันธรัฐสวิส เพื่อส่งเสริมการแบ่งปันตัวอย่างเชื้อสำหรับใช้พัฒนายาและวัคซีนให้เป็นสินค้าสาธารณะ และที่ประชุมยังให้การรับรอง สสส. เป็นหน่วยงานได้รับการคัดเลือกให้รับรางวัล Nelson Mandela Award for Health Promotion โดยจะมีพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณในการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 74 ในเดือนพฤษภาคม 2564


สำหรับประเด็นสำคัญอื่นๆ ในการประชุม เช่น ที่ประชุมได้จัดตั้ง Working Group on Sustainable Financing เป็นเวทีให้ประเทศสมาชิกหาทางออกร่วมกันเกี่ยวกับงบประมาณที่ยั่งยืนขององค์การอนามัยโลก โดยให้เสนอผู้แทนภูมิภาคองค์การอนามัยโลกละ 1 คน เพื่อเป็นประธานและรองประธาน และนำผลการหารือมารายงานในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารองค์การอนามัยโลก สมัยที่ 150 ในปี 2565

ส่วนการดำรงตำแหน่งของผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกที่จะหมดวาระลงในปี 2565 ที่ประชุมได้หารือถึงกระบวนการการคัดเลือกผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก โดยเปิดโอกาสให้ผู้สมัครสามารถกล่าวถ้อยแถลงและแสดงวิสัยทัศน์
โดยกระบวนการคัดเลือกจะเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เป็นต้นไป