โควิดโลกเกิน 100 ล้าน หัวเลี้ยวหัวต่อไทย

โควิดโลกเกิน 100 ล้าน หัวเลี้ยวหัวต่อไทย

ขณะนี้ทั่วโลกพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทะลุ 100 ล้านราย ขณะที่ไทยยังพบผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง แม้รัฐบาลพยายามส่งสัญญาณผ่อนคลายมาตรการ แต่กิจการบางประเภทหรือจังหวัดอาจต้องชะลอออกไป นับเป็นเวลาที่ภาครัฐต้องนำคำแนะนำจากกลุ่มแพทย์มาพิจารณาทุกครั้งที่มีการประชุม

Worldometer เว็บไซต์รายงานข้อมูลรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก เปิดเผยยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ณ วันที่ 26 ม.ค.64 อยู่ที่ 100,074,151 ราย ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 2,144,654 ราย นับระยะเวลาที่โลกเผชิญโควิดรวม 391 วัน หรือ 1 ปี กับ 24 วัน โดยสหรัฐเป็นประเทศผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเป็นอันดับ 1 สอดคล้องกับข้อมูลศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 (ศบค.) ที่ระบุวานนี้เป็นวันแรกที่ตัวเลขผู้ติดโควิดเกิน 100 ล้านราย อ้างอิงจากข้อมูลกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรม (อว.)

สำหรับประเทศไทย พบผู้ป่วยใหม่รายวัน 959 ราย แบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 937ราย แบ่งเป็นตรวจพบในโรงพยาบาล 89 ราย ตรวจเชิงรุก 848 ราย เดินทางจากต่างประเทศเข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 22 ราย ส่วนผู้ป่วยยืนยันสะสม 14,646 ราย เสียชีวิตสะสมคงที่ 75 ราย เฉพาะการระบาดรอบใหม่สะสม 10,409 ราย ตัวเลขสำคัญๆ ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ จะถูกนำไปพิจารณาในที่ประชุมคณะ ศบศ. ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 29 ม.ค.นี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และประธานศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ส่งสัญญาณใช้ภาพรวมในการผ่อนคลายมาตรการทั้งเชิงบวกและลบ การประชุม ศบค.จึงน่าจะอ้างอิงข้อเท็จจริงที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ โดยแบ่งเป็นพื้นที่และประเภทกิจการ แนวโน้มสิ้นเดือน ม.ค. จากที่เคยคาดว่าจะมีการผ่อนปรนมากขึ้น อาจจะต้องชะลอออกไปในบางจังหวัดและประเภทธุรกิจ อย่างไรก็ตามทางด้านการดูแลเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนยังจำเป็นต้องเดินหน้า เราเห็นด้วยกับมาตรการล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาตรการด้านภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด เราเห็นด้วยในการดำเนินมาตรการควบคู่ ทั้งด้านโรคภัยและการเยียวยาเศรษฐกิจ 

เราสนับสนุนให้ที่ประชุม ศบค.มีการลงรายละเอียด พิจารณาสถานการณ์ทั้งต่างประเทศและในประเทศ ลักษณะที่เฉพาะตัวของไทย กรณีจังหวัดสมุทรสาครที่แตกต่างจากพื้นที่อื่น มีการตรวจเชิงรุกแต่ยังพบว่าตัวเลขพุ่งสูง หรือแม้แต่ กทม.ที่นักท่องราตรีกับร้านอาหารยังละเมิดและหย่อนยานในการป้องกันโรค กรมควบคุมโรควิเคราะห์ผู้ติดโควิดรอบใหม่พบรอบใหม่อายุเฉลี่ยลงอยู่ที่ 34 ปี หรือส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 25-49 ปีคิดเป็น 62% เป็นกลุ่มผู้ที่ใช้ชีวิตนอกบ้านเป็นส่วนใหญ่ คนกลุ่มนี้ส่งผลกระทบต่อคนในครอบครัวและส่วนรวม ภาครัฐจึงไม่ควรจะเพิกเฉยในการดำเนินนโยบาย เรายังเชื่อว่าข้อมูลจากกลุ่มแพทย์และกระทรวงสาธารณสุขยังเป็นข้อมูลและคำแนะนำที่ดีที่สุดที่ ศบค.จะต้องนำไปพิจารณาทุกครั้งที่มีการประชุม