‘อย่าประมาท การ์ดอย่าตก’ เมื่อโควิด-19 เริ่มชะลอ

‘อย่าประมาท การ์ดอย่าตก’ เมื่อโควิด-19 เริ่มชะลอ

แม้จำนวนผู้ติดเชื้อในการระบาดระลอกใหม่ดูเหมือนจะมีแนวโน้มที่ลดลง กราฟผู้ติดเชื้อสะสมไม่ชันเหมือนเดิม และวัคซีนเริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่าง แต่สิ่งสำคัญคืออย่าประมาท และการ์ดอย่าตก

แม้จะมีความรู้สึกว่าการติดเชื้อ โควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น ซึ่งสถานการณ์วานนี้ (14 ม.ค.) ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ระบุตัวเลขว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 271 ราย ติดเชื้อในประเทศ 259 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 12 ราย ผู้ติดเชื้อสะสม 11,262 ราย หายป่วย 7,660 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย เสียชีวิตสะสม 69 ราย สำหรับการติดเชื้อในประเทศ 259 ราย แยกเป็น จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 78 ราย และค้นหาเชิงรุกในชุมชน 181 ราย เฉพาะระลอกใหม่ ติดเชื้อสะสม 7,025 ราย แยกเป็นพื้นที่กรุงเทพฯและนนทบุรี 854 ราย ภาคเหนือ 130 ราย ภาคกลาง 5,961 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 46 ราย และภาคใต้ 34 ราย หายป่วยแล้ว 3,720 ยังรักษาอยู่ 3,296 ราย

โฆษก ศบค.บอกว่า เมื่อพิจารณาผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นรายสัปดาห์ พบว่า สัปดาห์ที่ 1 ของเดือน ม.ค. ยอดติดเชื้อรายสัปดาห์อยู่ที่ 2,674 ราย แต่ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน อยู่ที่ 1,209 ราย จะเห็นว่ายอดในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนไม่ถึงครึ่งของสัปดาห์ที่ 1 วางใจได้ระดับหนึ่ง แต่ยังวางใจมากไม่ได้ และเมื่อดูกราฟตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม จะไม่พุ่งขึ้นหรือไม่ชันเหมือนเดิม ก็อย่างเพิ่งนอนใจ ดังนั้นแมสเสจของ ศบค.กำลังบอกเราว่า “อย่าประมาท และการ์ดอย่าตก” เป็นอันขาด เราไม่รู้เลยว่า การที่ตัวเลขจะไม่ได้พุ่งสูงเหมือนช่วงแรกของการระบาดรอบสอง เป็นเพราะการตรวจหาเชื้อเชิงรุกยังไม่เข้มข้นมากพอ หรือเป็นเพราะผู้ที่ยังอยู่ในภาวะเสี่ยงต่ำ เสี่ยงสูง ยังตรวจไม่เจอเชื้อกันแน่

เราจึงต้องมีมาตรการระมัดระวังตัวเอง และคนรอบข้างอย่างเข้มงวดต่อไป ด้วยบทเรียนของการระบาดรอบสอง ที่เกิดจากความหละหลวมและประมาทอย่างมาก เจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดจนภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ละเลย ไม่เข้มงวด ขาดความรับผิดชอบ ไม่มีความเด็ดขาดมากพอ จนทำให้เกิดช่องโหว่ กลายเป็นการระบาดรอบสองที่แพร่เชื้ออย่างรวดเร็ว และรุนแรง กระทั่งมีผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวที่กำลังมีทิศทางดีขึ้น สะดุดหยุดลงในทันที เราเห็นแล้วว่า เพราะความละเลย ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ปล่อยให้มีแหล่งอบายมุข แรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายทะลักเข้ามาในประเทศ จนสุดท้ายควบคุมไม่ได้ กลายเป็นต้นตอของการแพร่ระบาดในวงกว้าง เราไม่อยากเห็นแบบนี้อีกจนเกิดเป็นความเคยชิน จึงเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องจัดการให้เด็ดขาด  

เมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มชี้ไปในทิศทางบวก วัคซีนเริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่าง แม้ยังมีรายละเอียดที่ต้องล้วงลึกเข้าไปดูอีกมาก กว่าที่จะนำมาฉีดประชาชนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกัน ทุกภาคส่วนจึงต้องร่วมมือกันด้วยการ ‘ยังคุมเข้ม’ ปฏิบัติตัวตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ผู้ที่มีกฎหมายในมือต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ อย่าปล่อยให้เกิดสถานที่เสี่ยงและผิดกฎหมายดำรงอยู่ ท่ามกลางผลประโยชน์แบบลวงๆ ที่อาจกลับมาเป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาดในรอบที่สามได้อีก เมื่อถึงตอนนั้น ประเทศอาจไม่สามารถต้านรับได้ไหว