‘Digital Nomad’ มนุษย์งานยุค ‘New Normal’ ผู้เปลี่ยนโลกกว้างเป็นออฟฟิศ

‘Digital Nomad’ มนุษย์งานยุค ‘New Normal’ ผู้เปลี่ยนโลกกว้างเป็นออฟฟิศ

มนุษย์เร่ร่อนพันธุ์ใหม่ "Digital Nomal" ผู้เปลี่ยนทุกที่บนโลกเป็นห้องทำงาน ไลฟ์สไตล์เทรนด์ยุค "New Normal" ที่กลายเป็นโจทย์ทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไปจากการท่องเที่ยว

ก่อนการระบาดของไวรัสโคโรน่า คำว่า ‘remote worker’ หรือคนทำงานทางไกลหรือจากระยะไกลทำให้คนนึกถึงภาพของฮิปสเตอร์วัยรุ่นกำลังถือแมคบุ๊คเดินไปรอบๆ โคเวิร์กกิ้งสเปซหรือที่ทำงานร่วมในบาหลีหรือเบอร์ลิน

แต่หลังจากที่ไวรัสรณะดังกล่าวโจมตีโลก พนักงานออฟฟิศราวครึ่งหนึ่งของทั่วโลกถูกบังคับให้ทำงานจากบ้านตั้งแต่เดือนเมษายน และนั่นทำให้กลุ่มคนที่ใช้เวลาตลอดทั้งอาชีพนั่งทำงานในออฟฟิศตระหนักได้ว่าพวกเขาสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้จริงๆ

จุดหมายปลายทางที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดการเดินทางทั่วโลกได้ เริ่มเล็งเป้าหมายไปที่ ‘digital nomad’ หรือ ‘ผู้เร่ร่อนดิจิทัล’ ซึ่งหมายถึงคนที่สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ขอแค่มีแล็ปท็อปกับอินเตอร์เน็ต เพื่อชดเชยการสูญเสียรายได้จากนักท่องเที่ยว

เกาะบาร์เบโดสในมหาสมุทรแอตแลนติกทางตะวันตกเป็นประเทศแรกๆ ที่เปิดตัววีซ่าสำหรับผู้เร่ร่อนดิจิทัลในเดือนกรกฎาคม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลายๆ ประเทศก็ออกโครงการที่คล้ายคลึงกัน เช่น

เอสโตเนีย จอร์เจีย และ โครเอเชีย และล่าสุด แองกวิลลา ซึ่งเป็นอาณานิคมโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักรในทะเลแคริบเบียนก็เปิดตัวโครงการวีซ่าที่เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวมาอาศัยและทำงานบนเกาะเป็นเวลา 12 เดือน แต่ข้อเสียของวีซ่าเหล่านั้นก็คือพวกเขาต้องแสดงหลักฐานว่ามีรายได้สูง เช่น อย่างน้อย 3,504 ยูโรต่อเดือนสำหรับเอสโตเนีย หรือ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อปีสำหรับาร์เบโดส

บางประเทศก็เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการสมัคร และหากใครต้องการเช่าวิลล่าในแองกวิลลาก็ต้องมียอดเงินคงเหลือในธนาคารเป็นจำนวนมาก

ในขณะที่วีซ่าทำงานแบบใหม่ได้รับการประชาสัมพันธ์จำนวนมาก แต่คนทำงานทางไกลส่วนใหญ่สนใจการทำงานในต่างแดนเป็นระยะเวลาสั้นๆ โดยสลับไปมาระหว่างบ้านและต่างประเทศ แม้ว่าพวกเขาต้องคอยเช็คมาตรการหรือข้อจำกัดด้านการเดินทางที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ก็ตาม

160212328667

ห้องทำงานวันนี้ /ภาพจาก Alexander Spatari

เอ็ด ฟรานซิส หนุ่มวัย 37 ปีซึ่งทำงานที่ The Rebel Agency บริษัทที่ปรึกษาด้านการบริการในลอนดอนเป็นหนึ่งในกลุ่มคนทำงานทางไกลสายพันธุ์ใหม่หรือ “ทำงานไปด้วยเที่ยวไปด้วย” หลังจากปิดออฟฟิศในย่านโซโหในช่วงล็อกดาวน์เพราะโควิด เขาใช้ชีวิตและทำงานในปัลมา เมืองท่าบนเกาะมายอร์กาของสเปนกับแฟนสาวในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม และตอนนี้กำลังพิจารณาย้ายที่พำนักเป็นการถาวร

“ผมใช้เวลาสักพักในการปรับตัวให้เข้ากับการทำสิ่งที่แตกต่างออกไป ผมต้องปลดปล่อยตัวเองจากความคิดของการทำงาน 9 โมงเช้า-5 โมงเย็น” เขากล่าว

สิ่งแตกต่างที่เขาทำก็คือ เอ็ดหยุดงานช่วงเช้าวันพุธเพื่อไปตลาดและกลับมาทำงานในตอนเย็น หรือใช้วันหยุดระหว่างสัปดาห์เพื่อไปพักผ่อนที่ชายหาดและกลับมาทำงานในช่วงวันสุดสัปดาห์

“ตอนนี้ผมเชื่อจริงๆ แล้วว่านี่คืออนาคตของการทำงาน” หลังจากที่เชื่อว่าคนสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ตอนนี้เขากำลังจะทำธุรกิจใหม่ที่เป็นการพัฒนาสถานที่สำหรับทำงานและพักผ่อนไปด้วยโดยเริ่มต้นที่ซิซิลี เกาะทางใต้ของอิตาลี

“ผมไม่ได้สนับสนุนให้ [ผู้คน] กลายเป็นคนเร่ร่อนทั่วโลก สิ่งที่เราจะนำเสนอคือโอกาสที่จะได้มาทำงานและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันเป็นระยะเวลาสั้นๆ ครั้งละ 1-2 สัปดาห์” เอ็ดกล่าว

160212328642

แคโรลีน บราวน์และเพื่อนที่เกาะซานโตรินี่

แคโรลีน บราวน์ หญิงวัย 58 ปี เพิ่งลองทำงานทางไกลเป็นครั้งแรกและตอนนี้กำลังพิจารณาทำเป็นระยะยาว หลังจากปิดออฟฟิศในลอนดอนระหว่างการล็อกดาวน์ เธอย้ายจากแฟลตในลอนดอนมาอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ในเกาะซานโตรินี่ กรีซ เธอเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการว่ายน้ำและใช้เวลากลางคืนกับเพื่อนๆ ในร้านเหล้า

“ตอนแรกฉันกะจะมาเที่ยวแค่สัปดาห์เดียว แต่ตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันสามารถทำทุกอย่างทางออนไลน์ได้ แล้วทำไมฉันจะไม่ทำมันล่ะ และด้วยเวลาที่ต่างกัน ปกติฉันจะตื่น 6

โมงเช้า แต่อยู่ที่กรีซฉันยอมตื่นเช้ากว่านั้นเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขา” แคโรลีนกล่าว

เอ็ดโชคดีที่ได้พักที่อพาร์ตเมนต์ของเพื่อนในปัลมา ส่วนแคโรลีนหาที่พักได้จากอินเทอร์เน็ต แต่ตอนนี้มีบริษัทจำนวนมากกำลังมองหาผู้เช่าที่พักระยะกลางถึงระยะยาว เพราะเล็งเห็นความต้องการอสังหาริมทรัพย์แบบนี้เพิ่มขึ้น

NomadX ซึ่งมีที่พักในโปรตุเกสให้เช่าหลากหลายประเภทและเพิ่งเปิดตัวในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มียอดจองที่พักเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากก่อนการระบาดของโรคโควิด-19

เดฟ วิลเลียมส์ ผู้ก่อตั้ง NomadX บอกว่า ในอดีตกลุ่มเป้าหมายของพวกเขามีจำนวนไม่มากนักเนื่องจากยังอยู่ในขั้นเริ่มแรกของคนเร่ร่อนดิจิทัล ตอนนี้พวกเขาเริ่มเห็นสิ่งต่างๆ เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากจำนวนคนทำงานแบบรีโมทมีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำบางแห่งอย่าง Facebook, Twitter, Amazon และ Apple ให้พนักงานทำงานจากทางไกลเกือบทั้งหมด

160212328639

รถแคมป์ปิ้งให้เช่า /ภาพจาก Tiago Pinheira/Indie Campers

บางทีการพัฒนาที่น่าสนใจที่สุดก็คือ บริษัทท่องเที่ยวแบบดั้งเดิมซึ่งก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสมีการนำเสนอที่พักให้เฉพาะนักท่องเที่ยว ตอนนี้กำลังขยายตลาดไปที่คนทำงานจากทางไกล

Martinhal Resorts ซึ่งให้เช่าอสังหาริมทรัพย์สุดหรูในลิสบอน กัชไกช์ และ อัลการ์ฟ ในโปรตุเกสเสนอค่าเช่าราคาพิเศษสำหรับการเข้าพักระยะยาวโดยมีเป้าหมายเป็นครอบครัวที่ต้องการย้ายถิ่นฐานในช่วงที่มีการระบาดของไวรัส โดยราคาเริ่มต้นที่ 89 ยูโรสำหรับบ้าน 2 เตียงถ้าจองพัก 6 เดือนหรือ 98 ยูโรสำหรับการเช่า 3 เดือน ซึ่งเป็นราคาครึ่งเดียวของราคาปกติ

ด้าน Generator Hostels กำลังลดราคาสำหรับผู้ที่เข้าพักเป็นเวลา 7 วันขึ้นไปตามโปรโมชั่น ‘อยู่นานขึ้น ประหยัดมากขึ้น’ แม้แต่บริษัทให้เช่ารถแคมป์ปิ้งก็กระโดดเข้าตลาดนี้ด้วย Indie Campers ซึ่งให้บริการเช่ารถแวนทั่วยุโรปกำลังจะเปิดตัวบริการให้เช่าระยะยาวหลังจากมีความต้องการเพิ่มขึ้นร้อยละ 66 จากคนทำงานทางไกล

.......................

ที่มา: เว็บไซต์เดอะการ์เดียน