ติดเชื้อ 0 ราย อย่าหลงระเริง

ติดเชื้อ 0 ราย อย่าหลงระเริง

นับเป็นข่าวดีที่ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏตัวเลขผู้ติดเชื้อในไทยอยู่ที่ 0 ราย ทว่าเพื่อความไม่ประมาท โฆษก ศบค.ย้ำว่าประชาชนเบาใจได้แต่อย่าวางใจ ขอให้ยึดแนวปฏิบัติการป้องกันโรคส่วนบุคคลให้เหนียวแน่นต่อไป

การแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 0 ราย สร้างความประหลาดใจและเซอร์ไพรส์ไม่น้อย ความหมายก็คือไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศไทย ส่งผลภาพรวมขณะนี้มีผู้ป่วยสะสม 3,017 ราย รักษาหายแล้ว 2,844 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 117 ราย และเสียชีวิตสะสม 56 ราย การไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ครั้งแรก นับตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.2563 หรือวันแรกที่ประเทศไทยเจอผู้ป่วยโควิดรายแรก

กลายเป็นข่าวดีของประเทศ ทว่าเพื่อความไม่ประมาท โฆษก ศบค.ไม่ลืมกระตุกอารมณ์คนไทยแบบมีเชิงด้วยหลักจิตวิทยา ตามที่คุณหมอร่ำเรียนมา นพ.ทวีศิลป์เน้นย้ำในการแถลงข่าวด้วยประโยคกินใจ ประชาชนเบาใจได้แต่อย่าวางใจ คุณหมอบอกให้ยึดแนวปฏิบัติการป้องกันโรคส่วนบุคคลให้เหนียวแน่นต่อไป เพราะยังมีรายงานการพบผู้ป่วยทั้งกรุงเทพฯ และ จ.นราธิวาส อยู่ระหว่างการสอบสวนโรคและเฝ้าระวัง พร้อมยกตัวอย่างที่เกาหลีใต้ กำลังเกิดซูเปอร์สเปรดเดอร์รอบใหม่ ผู้ป่วย 1 ราย ทำคนอื่นติดเชื้อมากกว่า 100 ราย

เราเห็นด้วยกับท่าทีโฆษก ศบค. หลายประเทศยังคงเผชิญกับอัตราเร่งของการแพร่ระบาด หลายประเทศกำลังรับมือกับการระบาดรอบสอง ไม่ว่าเกาหลีใต้ ญี่ปุ่นหรือจีน ดังนั้นแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดจะดีขึ้นจนกลายเป็นศูนย์ แต่โอกาสที่จะมีการระบาดรอบสองยังไม่เป็นศูนย์ อย่างน้อยต้องรอยอดผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 0 ราย 14 วันติดต่อกัน ไม่เช่นนั้นยังมีความเป็นไปได้ที่จะกลับมาเริ่มต้นใหม่ ยกเว้นการตรวจเชื้อยังไม่ทั่วถึงและมีการตรวจในจำนวนที่น้อยเกินไป

มีการตั้งข้อสงสัยถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ออกมาแต่ละวัน ดูดีเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เป็นไปได้หรือไม่ที่มีการหมกเม็ด เราไม่คิดเช่นนั้น เราเชื่อมั่นในจรรยาบรรณทีมแพทย์ในการทำงาน ไม่ว่าป้องกันหรือรักษา เชื่อว่าคนไทยก็อยากเห็นการรักษามาตรฐานการควบคุมการแพร่ระบาด ที่กำลังทำได้ดีแล้วให้ดีขึ้นอีก ความมีระเบียบวินัยยังเป็นสิ่งจำเป็นทั้งวันนี้และวันต่อๆ ไป หลักพื้นฐานที่เรามักจะหย่อนยานทุกครั้งที่สถานการณ์การแพร่ระบาดเบาบาง หรือจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ลดลง ไม่ว่าการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ หรือเว้นระยะห่าง 

เช่นเดียวกันสถานประกอบการต้องมีความรับผิดชอบต่อผู้อื่น หมั่นทำความสะอาดและลดความแออัดของลูกค้าผู้ใช้บริการ หากบ้านเราปฏิบัติตัวกันได้เช่นนี้ สิ่งที่จะตามมาในเวทีโลกก็คือมาตรฐานของไทย นำไปสู่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ประเทศจะได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่สูงขึ้น การกู้เงินหรือต้นทุนทางเศรษฐกิจจะลดลง กลายเป็นประเทศเจริญแล้ว น่าลงทุน น่าท่องเที่ยว เห็นภาพแบบนี้กันแล้ว อยากให้นักการเมืองหันมามองดูตัวเอง ใช้เวลาช่วงนี้ปรับมาตรฐานวิธีคิดและการทำงาน เมื่อโควิดผ่านพ้น พวกคุณจะได้มีส่วนร่วม ไม่ตกขบวน