ฟังเสียงเครือข่ายเด็กทุกระดับ 'ร่างพ.ร.บ.การศึกษาชาติ' 21 มิ.ย.นี้

ฟังเสียงเครือข่ายเด็กทุกระดับ 'ร่างพ.ร.บ.การศึกษาชาติ' 21 มิ.ย.นี้

ร่างพ.ร.บ.การศึกษาชาติ มี 7 หมวด 83 มาตรา ชูมีบอร์ดนโยบายการศึกษาชาติ นายกฯเป็นประธาน กำหนดชัดอปท.ต้องดูแลการศึกษาในพื้นที่ สามารถหนุนงบให้ร.ร.ได้ ขณะที่กอปศ. เตรียมนำร่างพ.ร.บ.การศึกษาชาติ ประชาพิจารณ์ฟังเสียงเด็กและเยาวชน 21 มิ.ย.นี้

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.61 นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) เปิดเผยภายหลังประชุมว่า ที่ประชุมได้หารือร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ... ที่เป็นภารกิจสำคัญของกอปศ.ที่ต้องดำเนินการ แปลสิ่งที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ที่ชัดเจนคือร่างพ.ร.บ.การศึกษาฯ กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน สภาการศึกษาทำหน้าที่เลขานุการ ทำหน้าที่ดูแลการศึกษาเชิงมหภาค ทำการวิเคราะห์ข้อมูล (Big Data) การศึกษา ที่จะนำไปสู่การกำหนดนโยบายและการจัดสรรทรัพยากรทางการศึกษา ซึ่งตรงนี้เป็นหัวใจสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาฯ ฉบับนี้ ส่วนประเด็นอื่นๆ ก็กำหนดสอดคล้องตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ เช่น สนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในการจัดการศึกษามากขึ้น แต่รัฐยังมีหน้าที่จัดการศึกษาแก่ทุกคน ,กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีหน้าที่จัดการศึกษาและส่งเสริมการศึกษาในท้องถิ่นตนเอง

นพ.จรัส กล่าวต่อไปว่า ส่วนการปรับโครงสร้างองค์กรในร่างพ.ร.บ.การศึกษาฯ ไม่ได้กำหนดรายละเอียด แต่ในหลักการอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง เช่น การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อาจจะต้องปรับเปลี่ยนเป็นกลไกที่ใหญ่ขึ้น เพราะเพราะต้องรองรับจำนวนคนนอกระบบการศึกษาที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ครอบคลุมการจัดการศึกษาตลอดชีวิต เป็นต้น ทั้งนี้ การยกร่างพ.ร.บ.การศึกษาฯ บางเรื่องยังอ้างอิงกับพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แต่เมื่อโลกมีการเปลี่ยนแปลงบางเรื่องก็จำเป็นต้องยกร่าง และต้องไปดูกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องต่อไป ขณะเดียวกัน ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.จะนำร่างพ.ร.บ.ไปประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความเห็นจากเครือข่ายเยาวชนทุกระดับและประเภทการศึกษา และในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ จะจัดประชุมร่วมกับสมัชชาการศึกษาถึงความคาดหวังในการปฏิรูปการศึกษาด้วย

นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.การศึกษาฯ ที่จะนำไปรับฟังความคิดเห็นมีทั้งสิ้น 7 หมวด 83 มาตราซึ่งต่างจากพ.ร.บ.การศึกษาฯฉบับเดิม ดังนี้ 1.หมวดหน้าที่ของรัฐด้านการศึกษา 2.หมวดสิทธิและหน้าที่ 3.การจัดการศึกษา 4.ครูอาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาและกิจกรรมการเรียนรู้ 5.การพัฒนาและกำกับดูแลระบบการศึกษา 6.แผนการศึกษาแห่งชาติและทรัพยากรการศึกษาและการเรียนรู้ และ7.คณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งเป็นหมวดใหม่ที่จะมากำหนดระบบจัดการศึกษาที่จะออกมาในอนาคต

ส่วนประเด็นอำนาจหน้าที่ของ อปท.ในร่างพ.ร.บ.การศึกษาฯครั้งนี้กำหนดชัดเจนขึ้น โดยอปท.มีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษา ในสถานศึกษาที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ สนับสนุนงบประมาณ จัดบริการทางการศึกษาให้แก่สถานศึกษาของรัฐและเอกชนได้ พัฒนาแหล่งศึกษาเรียนรู้การศึกษาตามอัธยาศัยที่หลากหลายได้ ซึ่งที่ผ่านมาในเรื่องงบประไม่ได้กำหนดชัดเจน การทำงานจึงก้ำกึ่งว่าทำได้หรือไม่ได้