กทม.เร่งพร่องน้ำในคลอง-แก้มลิง รับมือพายุ'ราอี'
กทม.เร่งพร่องน้ำคลอง-แก้มลิง เตรียมกระสอบทราย 3 ล้านใบ รับมือพายุ “ราอี” กรมอุตุฯ คาดอ่อนกำลังเป็น “ดีเปรซชั่น” กรุงเทพฯฝนน้อยหลัง 16 ก.ย.
นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯกทม. พร้อมด้วยนายอดิศักดิ์ ขันตี ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯกทม. นายสงกรานต์ อักษร รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา และผู้เกี่ยวข้อง เดินทางมายังห้องประชุมสำนักการระบายน้ำ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 เขตดินแดง เพื่อตรวจเยี่ยมศูนย์ควบคุมระบบการป้องกันน้ำท่วม กรุงเทพมหานคร และประชุมหารือการเตรียมความพร้อมรับมือพายุโซนร้อนที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยและพื้นที่กรุงเทพฯ
นายอมร กล่าววว่า ขณะนี้กทม.ได้เตรียมความพร้อมรับมือพายุที่จะเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพฯ อย่างเต็มที่ โดยได้พร่องน้ำในคลองหลักและแก้มลิงเพื่อรอรับน้ำ โดยคลองหลัก 3 คลอง ประกอบด้วย คลองแสนแสบ คลองผดุงกรุงเกษม และคลองดาวคะนอง ซึ่งปกติจะพร่องน้ำลดลงอยู่ที่ระดับ –0.70 เมตร แต่หากฝนมีปริมาณมากก็จะลดระดับน้ำเพิ่มลงมาอยู่ที่ระดับ –1.00 เมตร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเดินเรือในคลองแสนแสบบ้างโดยเฉพาะช่วงประตูน้ำ – ผ่านฟ้า อาจไม่สามารถเดินเรือได้ แต่ในคลองผดุงกรุงเกษมยังสามารถเดินเรือได้ตามปกติ ส่วนแก้มลิงบึงหนองบอนพร่องน้ำลงอยู่ที่ระดับ -5 เมตร ก็จะสามารถรับน้ำได้เพิ่มประมาณ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมถึงลดระดับน้ำในแก้มลิงบึงวารีภิรมย์เพื่อช่วยรับน้ำเพิ่มเติมด้วย
นายอมร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กทม.ได้จัดเจ้าหน้าพร้อมเครื่องสูบน้ำประจำจุดอ่อนน้ำท่วมหรือพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม รวมถึงสำรองเครื่องสูบน้ำไว้กว่า 200 เครื่อง ส่วนในพื้นที่ฟันหลอบริเวณถนนทรงวาด และซอยสุขุมวิท 50 ได้เสริมแนวกระสอบกันน้ำหนุนเรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้ได้จัดเตรียมกระสอบทรายไว้จำนวน 3 ล้านใบด้วย ทั้งนี้ หากฝนตกปริมาณ 70 – 100 มิลลิเมตร ในพื้นที่รอบนอกที่มีพื้นที่รับน้ำ อาทิ พื้นดิน ทุ่งนา ก็จะไม่มีปัญหาน้ำขังรอระบาย แต่หากเป็นพื้นที่เมืองที่มีอาคารบ้านเรือนจำนวนมาก ก็จะส่งผลให้มีน้ำขังรอระบายได้ แต่กทม.ได้ประสานความร่วมกับจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับกรุงเทพฯ อาทิ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือฝน และน้ำเหนือ จึงขอให้ประชาชนอย่างวิตก
ด้านนายสงกรานต์ กล่าวว่า สำหรับพายุโซนร้อนมีทั้งหมด 3 ลูก ได้แก่ พายุราอี พายุเมอรันตี และพายุมาลากัส แต่จะมีเพียงลูกเดียวที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย คือ พายุราอี ซึ่งปัจจุบันอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่น และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ จะเริ่มเข้าสู่พื้นที่ประเทศไทยทางภาคอีสานในจังหวัดอุบลราชธานีช่วงเย็นวันนี้ (13 ก.ย.) ซึ่งลักษณะดังกล่าวจะทำให้มีเมฆฝนปกคลุมพื้นที่ภาคอีสาน และขณะนี้มีปกคลุมภาคอีสานแล้ว คาดว่าคืนนี้พื้นที่กรุงเทพฯจะมีเมฆฝนปกคลุม และในวันที่ 14 ก.ย. โดยจะมีเมฆฝนปกคลุมพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งพายุดีเปรสชั่นจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ส่งผลให้ฝนเล็กน้อยเบาบางต่อเนื่อง
“จากนั้นในวันที่ 15 ก.ย พายุจะเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่ภาคเหนือต่อไป ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ มีฝนน้อยลงตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวมั่นใจว่ากทม.จะสามารถรับมือและแก้ไขปัญหาได้”นายสงกรานต์ กล่าว




