ชู'หญ้าผมยุ่ง'ดีต่อหญิง 'ผักปลัง'ดีต่อชาย

ชู'หญ้าผมยุ่ง'ดีต่อหญิง 'ผักปลัง'ดีต่อชาย

ชู “ผักกระชับ” หรือ “หญ้าผมยุ่ง” สมุนไพรตามท้องนาดีต่อหญิง ช่วยกระชับมดลูก แก้ปวดประจำเดือน “ผักปลัง” ดีต่อชาย เพิ่มกำลัง-ปริมาณน้ำอสุจิ

นางจิรัชยา ประมวล เจ้าพนักงานสาธารณสุขชำนาญงาน สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) แกลง จ.ระยอง กล่าวว่า สสอ.แกลง ได้เลือกเอา "ผักกระชับ" มาเป็นตัวชูโรงภายในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 13 เนื่องจากผักกระชับ หรือ "หญ้าผมยุ่ง" เป็นพืชพื้นบ้านที่เกิดขึ้นตามท้องนา แต่ชาวบ้านชุมชนบ้านทะเลน้อย อ.แกลง สามารถนำมาเพาะจนกลายเป็นผักเศรษฐกิจได้เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ตัวผักกระชับหรือหญ้าผมยุ่งมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย อาทิ ช่วยกระชับมดลูก แก้ปวดประจำเดือน ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ ระงับประสาท แก้โรคมาลาเรีย ไขข้ออักเสบ กระเพาะอักเสบ แก้ปวดกล้ามเนื้อ ทั้งกล้ามเนื้อเรียบและกล้ามเนื้อลาย

“เมื่อนำใบและลำต้นมาตำให้ละเอียด สามารถใช้พอกแผลปวดบวม แมลงกัดต่อย รักษาโรคหิด หรือนำมาต้มเอาน้ำมาล้างแผลแก้ปวดศีรษะ ปวดหู แก้หวัดได้ด้วย สำหรับเมล็ดแก่ของผักกระชับพบว่า มีงานวิจัยของต่างประเทศว่าอาจช่วยรักษาโรคมะเร็งได้ สอดคล้องกับข้อมูลที่ว่าหมอโบราณใช้เมล็ดแก่ผักกระชับเข้าไปอยู่ในยาตำรับรักษามะเร็ง แต่เรื่องนี้ยังไม่มีข้อมูลการวิจัยที่ชัดเจน ผักกระชับหรือหญ้าผมยุ่งถือเป็นสินค้าโอทอปของ อ.แกลง จะเน้นให้รับประทานเป็นอาหารเป็นหลัก ซึ่งการรับประทานเป็นประจำก็จะช่วยให้ได้สรรพคุณทางยาดังกล่าวด้วย โดยเมื่อนำมาทำเป็นอาหารจะมีลักษณะคล้ายกับต้นอ่อนทานตะวัน เมนูที่แนะนำคือ กินเป็นผักสดกับน้ำพริก เพราะเป็นผักที่มีกลิ่นหอม หรือที่ชาวบ้านนิยมนำมาทำเป็นอาหารคือ แกงส้มผักกระชับ ยำผักกระชับ รวมไปถึงผัดไท และผัดน้ำมันหอย” นางจิรัชยา กล่าว

นพ.สุริยะ วงศ์คงคาเทพ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก  กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)กล่าวเสริมว่า สรรพคุณของผักกระชับหรือหญ้าผมยุ่งที่ช่วยกระชับมดลูก แก้ปวดประจำเดือน หรือที่ระบุว่าเมล็ดสามารถใช้เป็นยารักษามะเร็งได้นั้น ยังเป็นเพียงภูมิปัญญาโบราณที่สืบทอดกันมา ซึ่งกรมฯ จะนำผักกระชับมาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ต่อว่ามีสารสำคัญใดบ้างและมีสรรพคุณดังกล่าวจริงหรือไม่ แต่ที่แนะนำคือให้รับประทานเป็นอาหาร เพราะถือเป็นผักพื้นบ้านที่ช่วยดูแลสุขภาพ มีกาเพาะปลูกแบบปลอดสารพิษ ไม่มีอันตราย โดยทุกส่วนของผักกระชับสามารถนำมาใช้ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะต้นอ่อนที่ใช้เวลาเพาะประมาณ 2-3 สัปดาห์ก็สามารถนำมากินสดๆ เป็นสลัดได้ หรือนำมาทำเป็นแกงส้ม ยำก็ได้ นอกจากนี้ ยังจะศึกษาต่อมน้ำมันที่อยู่ใต้ใบด้วยในการนำมาใช้ทำน้ำมันหอมระเหย

ด้านภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้าโครงการสาธิตการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ผักปลังที่เป็นผักพื้นบ้านพบได้ในทุกภาคของประเทศ มีสรรพคุณ ช่วยเพิ่มพรีไบโอติกส์ ซึ่งช่วยในเรื่องการขับถ่าย ทำให้การขับถ่ายดีขึ้น กำจัดสารพิษ เหมาะกับการล้างพิษทำดีท็อกซ์แบบธรรมชาติ เพิ่มภูมิคุ้มกัน ปรับปฏิกิริยาภูมิแพ้ ลดคอเลสเตอรอล ช่วยบำรุงร่างกาย ลดความดันโลหิตสูง ทำให้เจริญอาหาร ช่วยรักษามะเร็งลำไส้ เหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์และทารก ที่มักพบปัญหาท้องผูก ที่สามารถนำมารับประทานเป็นกับข้าวช่วยแก้ปัญหาท้องผูกได้เลย นอกจากนี้ยังใช้เป็นสมุนไพรปกป้องกระเพาะอาหาร ตับและไต ให้พลังหล่อลื่น เนื่องจากมีเมือกลื่นช่วยระบายทำให้มีการนำมาใช้รักษาโรคกระเพาะ เนื่องจากเชื่อว่าจะช่วยเคลือบกระเพาะ มีฤทธิ์ต้านการเป็นพิษต่อไตที่เกิดจากยาปฏิชีวนะกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ และยาเจนต้าไมซิน ช่วยยับยั้งการเกิดนิ่วจากการตกตะกอนของแคลเซียมออกซาเลต

ภญ.สุภาภรณ์ กล่าวอีกว่า ในประเทศแคเมอรูน มีการศึกษาในหนูทดลอง และมีการนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ ช่วยเสริมกำลังวังชาทำให้นักกีฬาออกกำลังกายได้นานขึ้น ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายและช่วยเพิ่มปริมาณน้ำอสุจิในเพศชาย นอกจากนี้ยังช่วยในการหล่อลื่น และสมัยก่อนมีการนำเมือกของผักปลังไปใช้ทาบริเวณช่องคลอดให้ผู้หญิงก่อนคลอดลูก ทำให้สามารถคลอดลูกได้ง่ายขึ้น ดังนั้นในอนาคตจะต้องมีการศึกษาสารที่อยู่ในผักปลังเพิ่มขึ้นเพราะคนไทยยังขาดองค์ความรู้เรื่องนี้ ก่อนนำความรู้ที่ได้มาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์หลายๆชนิด แต่ยังไม่จำกัดรูปแบบ แต่หลักๆจะนำไปใช้ในการแก้ปัญหาท้องผูก ในหญิงตั้งครรภ์และเด็กที่มักมีปัญหาท้องผูก ส่วนอันตรายจากผักปลังยังไม่พบเนื่องจากปกติแล้วเราก็มีการรับประทานเป็นกับข้าวอยู่แล้ว ทั้งนี้อยากให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยมาร่วมมือกัน ในการศึกษาวิจัยพืชผักสมุนไพรไทย เพื่อสร้างความมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยของสมุนไพรไทย รวมทั้งช่วยกันเก็บรักษาภูมิปัญญาของไทยไว้ และที่สำคัญสมุนไพรเหล่านี้สามารถสร้างรายได้จำนวนมหาศาลให้กับไทยอีกด้วย