'ภาคภูมิ เดชหัสดิน' หมอแล็บแพนด้า

'ภาคภูมิ เดชหัสดิน' หมอแล็บแพนด้า

นักเทคนิคการแพทย์ที่เฟี้ยวที่สุดบนโลกออนไลน์ กับการให้ความรู้ด้านสุขภาพที่สนุก มีสาระ เข้าใจง่าย ครองใจชาวโซเชียลกว่า 2.5 แสนไลค์

ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ที่มีความเกรียนเป็นที่ตั้ง ครองใจวัยรุ่นและผู้คนในสังคมออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊คชื่อ “หมอแล็บแพนด้า” นำเสนอตัวเองในภาพชายชุดกาวน์แต่งขอบตาดำเลียนแบบหมีแพนด้า กับภารกิจเผยแพร่ข้อมูลการแพทย์ที่ถูกต้อง สกัดข้อความลวงโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม

แต่กว่าจะถึงวันนี้ ชีวิตวัยรุ่นก็พลิกผันหลายต่อหลายครั้ง จากความชอบศิลปะมาสู่สิ่งประดิษฐ์ ก่อนพลิกโผมาที่นักเทคนิคการแพทย์ สังกัดสภากาชาดไทย ผูกปิ่นโตมายาวนานถึง 11 ปี

๐ ทำไมเลือกเป็นนักเทคนิคการแพทย์?

ผมจับพลัดจับพลูเข้าสู่วิชาชีพนักเทคนิคการแพทย์ด้วยความเข้าใจผิดล้วนๆ ด้วยคำว่าเทคนิคการแพทย์ทำให้เข้าผิดใจว่า เป็นเรื่องของงานช่าง งานประดิษฐ์ งานบัดกรีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ง่านซ่อมบำรุง คล้ายๆ กับช่างเทคนิค เพียงแต่ขอบข่ายของงานน่าจะจำกัดอยู่เฉพาะอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์

ด้วยความที่ชอบการประดิษฐ์เป็นทุนเดิม และคุณแม่อยากให้เลือกเรียนในสาขาวิชาการเกี่ยวกับแพทย์ ฉะนั้น คณะเทคนิคการแพทย์ จึงเป็นคำตอบที่ใช่เลย กระทั่งเรียนมาถึงชั้นปีที่ 3 ความจริงก็ถูกเปิดเผย

ช่วงปี 1-2 เป็นการเรียนวิชาพื้นฐาน ฟิสิกส์ แคลคูลัส ผมก็ยังไม่รู้ แต่พอมาเข้าวิชาชีพตอนปี 3 เริ่มมีการเจาะเลือด ตรวจปัสสาวะ ส่องอุจจาระหาพยาธิ ก็รู้แล้วว่า ไม่ใช่อย่างที่เข้าใจ แต่ก็ถือว่าถลำมาไกลเกินกว่าจะกลับลำ จึงต้องเดินหน้าต่อไป ถ้าจะบอกว่ามันไม่ใช่แนวก็คงบอกไม่ได้เต็มปาก เพราะตอนนี้ก็เป็นนักเทคนิคการแพทย์มาแล้ว 11 ปี

๐ นักเทคนิคการแพทย์คืออะไร?

ทุกครั้งที่บอกว่า เรียนจบเทคนิคการแพทย์ พ่อ แม่ เพื่อน ทุกคนจะสงสัยว่าคืออะไร ผู้คนรับรู้ว่า แพทย์ พยาบาล เภสัชกร ทำอะไร เพราะทุกหน้าที่ได้ติดต่อกับผู้ป่วยโดยตรง แต่นักเทคนิคการแพทย์ไม่ใช่

เวลาเจาะเลือด ผู้ป่วยจะเห็นหลอดเลือดแต่ไม่รู้ว่าถูกส่งไปไหน กระทั่งแพทย์ออกมาแจ้งผลการตรวจ ส่วนที่ผู้ป่วยไม่รู้นั้น คือหน้าที่ของนักเทคนิคการแพทย์ในการตรวจหาค่าต่างๆ ที่จำเป็นในสิ่งส่งตรวจ

นักเทคนิคการแพทย์คือ ผู้เฉลยโรค เหมือนเวลาเล่นเกมแฟนพันธุ์แท้ที่จะมี 5 คำใบ้ ค่อยๆ เปิดเพื่อบอกลักษณะสำคัญของโรค เราทำหน้าที่เปิดป้ายให้แพทย์เป็นผู้ตอบ หากเปิดมาเจอคำใบ้ดีๆ เป็นเชื้อโรคที่บ่งชี้เลยว่าเป็นโรคนี้ หมอก็จะตอบได้เลย

ด้วยเราทำหน้าที่ตรวจหาค่าต่างๆ จากเลือดของผู้ป่วยที่มีค่ามาตรฐานอยู่แล้ว เพื่อดูความเสื่อม เชื้อแปลกปลอมในเลือด ไข่พยาธิในอุจจาระ ฯลฯ หากไม่มีนักเทคนิคการแพทย์ แพทย์ก็จะซักประวัติ ดูอาการภายนอกที่แสดง และใช้เวลานานในการตรวจวิเคราะห์

ในใจผมคิดว่า ในไม่ช้าผู้คนจะเลิกถามว่า เทคนิคการแพทย์คืออะไร หลังจากผมเป็นคนบอกเล่าเอง หากรอสมาคมหรือองค์กรใหญ่ๆ ทำการสื่อสารไปยังสาธารณะอาจจะต้องรอนาน ผมชอบลิขิตชีวิตตัวเองมากกว่า

๐ จึงเป็นที่มาของเพจหมอแล็บแพนด้า?

สิ่งที่ผมทำคือ พยายามบอกว่า เราคือนักเทคนิคการแพทย์ โดยถ่ายรูปในแล็บ เล่นในแล็บ พูดถึงเรื่องวิชาการจากมุมของตัวเอง แต่คนทั่วไปก็ยังไม่เข้าใจ คนที่เข้าใจกลับเป็นบุคลากรทางการแพทย์ด้วยกันเอง

ผมไม่รู้ว่า ผิดพลาดตรงไหน แต่ก็ทำมาเป็นปีๆ ทำเรื่อยๆ จนถึงจุดเปลี่ยนเมื่อมีละครเรื่องหนึ่งที่นางเอกเสียเลือดแล้วหมอถามหากรุ๊ปเลือดที่ตรงกัน พระเอกก็เข้ามาและถูกพาไปนอนเตียงข้างกัน แล้วเลือดก็ไหลปรื๊ดจากพระเอกไปให้นางเอก ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่มีใครเขาทำกัน

วิธีการก่อนที่จะนอนให้เลือดกัน จะต้องตรวจความเข้ากันได้ของเลือดแม้ว่าจะเป็นเลือดกรุ๊ปเดียวกัน ก็มีความเป็นไปได้ที่อาจมีสารเคมีหรือปัจจัยบางอย่างที่เลือดของคน 2 คนเข้ากันไม่ได้ ฉะนั้น เลือดที่ได้รับบริจาคมานั้นต้องนำไปตรวจสอบความเข้ากัน ซึ่งมีเทคนิคการแพทย์ซ่อนอยู่

ถ้าเลือดเข้ากันก็จะนำไปผ่านกระบวนการ แล้วนำถุงเลือดมาห้อยให้ไหลลงไปที่ผู้รับ ไม่ใช่การต่อสายตรงเข้าหากัน แล้วนอนระนาบเดียวกัน เลือดจะไหลจากใครไปหาใครกันแน่

ผมก็เลยนำเรื่องนี้มาทำคอนเทนต์ว่า ต้องมีกระบวนการอะไรในการตรวจเลือดอยู่ข้างหลัง คนก็แชร์กันมากมาย กลายเป็นจุดเปลี่ยนให้ได้คิดว่า ทำไมคนถึงสนใจเยอะขนาดนี้ เลยมาวิเคราะห์คอนเทนต์นั้น และคิดว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว จับต้องได้ เข้าถึง

ดังนั้น คอนเทนต์ต่อๆ ไป ผมจะลองทำเพื่อประชาชนดู หากไปได้ดี งานเทคนิคการแพทย์จะเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยไม่ต้องไปบอกโต้งๆ เหมือนที่เคยทำ เนื้อหาข้อมูลอาจจะแตะวิชาชีพนิดๆ หน่อยๆ

๐ ข้อมูลที่นำเสนอเชื่อถือได้แค่ไหน?

ผมไม่ใช้รูปโปรไฟล์ที่เป็นตัวการ์ตูนหรือตัวแฝง เพจของผมมีชื่อ มีใบหน้าของผมชัดเจน ทำให้เวลาทำอะไรต้องหาข้อมูลให้มาก ให้น่าเชื่อถือที่สุด

ช่วงปี 2557 คอนเทนต์ในเพจก็เริ่มเปลี่ยน พร้อมกับความเครียดที่เพิ่มเข้ามา จากเดิมอยากทำอะไรก็ทำ อยากโพสต์อะไรก็โพสต์ แต่ตอนนี้จะทำอย่างนั้นก็นานๆ ที ส่วนเนื้อหาแม้อยากจะโพสต์ทุกวัน แต่เพราะต้องใช้เวลาในการคิดเนื้อหาที่ตรงกับความสนใจ โดยเน้นงานวิจัยเป็นหลัก ต้องเชื่อถือได้ในความไม่น่าเชื่อถือ ก็เลยไม่ได้โพสต์สาระบ่อยๆ

เพจของผมมีจุดเด่นคือ การทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ย่อยความรู้ที่ประชาชนเข้าไม่ถึง ให้เป็นตุ๊กตาที่คนเข้าถึง ซึ่งโชคดีที่คุณพ่อคุณแม่เป็นครูจึงเห็นวิธีการสอน วิธีการสื่อสารให้สนใจและเข้าใจ ท่านทั้งสองจึงเป็นคนต้นแบบของผม

ทุกๆ วันผมจะแบกหนังสือ พิมพ์ข้อมูลงานวิจัยออกมาอ่านและย่อยเนื้อหา เช่น กรณีรถชนก็จะมาดูเรื่องการตรวจเลือดว่า มีระบบหรือวิธีการอย่างไร โดยการย่อยข้อมูลวิชาการเป็นเนื้อหาที่ประชาชนเข้าใจได้ง่าย

ข้อมูลหลักของผมจะมาจากงานวิจัย ใจความหลักคือความรู้ ที่ทุกวันผมต้องมาติดตามข่าวสาร อ่านงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาย่อย ดังนั้น เป็นการกันเงิบว่า ข้อมูลเราถูกต้องตามหลักวิชาการ

และหากมีใครมาแย้ง ทางผมก็จะมีข้อมูลมายืนยัน มีที่มาที่ไป ผมไม่ได้มองว่า ข้อมูลในเพจแย้งไม่ได้ แต่หากจะแย้งต้องมีแหล่งข้อมูลทางวิชาการมาโต้กันมากกว่าพูดลอยๆ หรือได้ยิน “เขาว่ากัน” หรือดีกว่าพวกแชร์มั่ว

๐ ใช้เวลานานไหมในการโพสต์?

ผมศึกษาเรื่องคอมพิวเตอร์ไอทีมานานแล้ว การที่ตัดต่อภาพหรืออะไรต่างๆ ก็ไม่ได้ใช้เวลานาน รวมๆ แล้วแค่ 5 นาทีก็โพสต์เสร็จแล้ว

ผมชอบความก้าวหน้า ความรู้ด้านไอที อิเล็กทรอนิกส์อยู่แล้ว เป็นอินเนอร์ เพียงแต่ตอนนี้สวมหัวโขนของนักเทคนิคการแพทย์ เลยกลายเป็นฟิวชั่นทำให้เข้าใจคำว่า บูรณาการ ก็ตอนโตนี้แหละ

ถ้านำความรู้หลายๆ อย่างมาบูรณาการกันจะเกิดประโยชน์อย่างมาก เช่น ความรู้ด้านศิลปะมาบูรณาการกับไอที ผนวกความรู้ด้านโซเชียลมีเดียและการแพทย์ กลายเป็นเนื้อหาที่ให้ประโยชน์มหาศาล ถ้าสาขาวิชาต่างๆ มาบูรณาการกันเข้าจะสร้างนวัตกรรมได้อีกมาก

๐ กลัวไหมกับการแฉข้อมูลลวง?

ผมเคยโดนข่มขู่เป็นระยะๆ แต่ไม่กลัวที่จะให้ความรู้กับประชาชน ไม่กลัวที่จะขัดกับธุรกิจผิดกฎหมาย เพราะมีคุณพ่อคุณแม่เป็นต้นแบบของครูผู้อุทิศ ผมยึดถือท่านเป็นแบบอย่าง ตอนแรกท่านเห็นผมออกทีวีบ่อยก็เตือนกลัวว่าจะไปกระทบ ไม่มีใครกล้าพูด แต่สุดท้ายท่านก็บอกว่า ไม่เป็นไร คนเราเกิดมาก็แค่ตาย เพราะฉะนั้น ตายไปพร้อมกับความดีจะเป็นไร

คุณพ่อคุณแม่เป็นคนต้นแบบ ที่หล่อหลอมให้ผมยึดมั่นในความดี ซื่อสัตย์ เพราะต้องการให้ความรู้กับประชาชนจริงๆ โดยไม่ได้มีอะไรแอบแฝง ทุกวันนี้ยังไม่เคยมีโฆษณาอะไร แม้จะได้รับการติดต่อเข้ามามาก แต่อนาคตอาจจะต้องมี เพราะหลายกิจกรรมต้องขับเคลื่อนด้วยเงิน

บางทีก็อยากแจกของให้ลูกเพจ ถ้ามีสปอนเซอร์สนับสนุนก็ช่วยได้ แต่ก็ต้องอยู่ในกรอบและจรรยาบรรณ

ส่วนตอนนี้ก็ถือว่า ประสบความสำเร็จอีกก้าวกับการทำหนังสือ จากที่ผ่านมามีสำนักพิมพ์ติดต่อมา 4 แห่ง แล้วก็เลือกมาออก “หมอแล็บ” บอกเล่าความเป็นมาของนักเทคนิคการแพทย์ และความเชื่อผิดๆ ที่หลอกลวงเรื่องสุขภาพ คนอ่านจะได้รับความรู้แน่ๆ แต่ถ้าใครจิตอ่อนเส้นตื้นก็จะฮาไปด้วย

จากตอนนี้ยังไม่รู้ว่า ชีวิตของนักเทคนิคการแพทย์สุดฮอตคนนี้จะมีจุดเปลี่ยนอีกไหม ตั้งแต่ทำเพจ เป็นหมอแล็บ นักเขียน แถมยังมีรายการทีวีมาติดต่อให้ไปเป็นพิธีกรอีก 3 รายการ แต่หัวใจหลักของชีวิตก็คือ การทำหน้าที่นักเทคนิคการแพทย์ต่อไป

*********************


ตัวอย่างเบาๆ แชร์มั่วๆ
- รอยไหมเพิ่มน้ำนม ทางวิชาการแล้วห้ามเด็ดขาดเพราะนอกจากไม่ได้ผลแล้วอาจมีปัญหาร้ายแรงด้วย
- แคปซูลสมุนไพรลดอ้วนไม่มีผลข้างเคียง ก็อย่าหลงเชื่อครับเพราะสมุนไพรนั้นคือ มะขามแขก ซึ่งก็คือยาระบายที่ทำให้ถ่ายท้อง กินไปมากๆ ไม่ดีนะครับ เสียน้ำเสียเกลือแร่จนหมดเรี่ยวหมดแรงอาจช็อคได้
- การลวกช้อนส้อมในน้ำที่ร้อนไม่พอ ไม่ได้ช่วยกำจัดเชื้อโรค แถมยังเพิ่มจำนวนมหาศาลสะสมอยู่ในน้ำนั้นอีกด้วย ผมขอบอกว่า ผมไม่เคยลวกช้อนส้อมด้วยหม้อหุงข้าวเลย
- อย่ามาบริจาคโลหิตกลางดึกครับ เสียเวลา แม้จะมีการแชร์ทางโซเชียลว่า ด่วน ด่วนมาก!!! ก็ตาม