จิตแพทย์แนะ3ข้อสังเกตคนใกล้ตัวเสี่ยงฆ่าตัวตาย

จิตแพทย์แนะ 3 ข้อสังเกตคนใกล้ตัวเสี่ยงฆ่าตัวตาย คนเครียดมากยึดหลัก 3 ข้อฝ่่าวิกฤติ พักผ่อน-หาทางแก้ปัญหา-ทำกิจกรรมคลายเครียด
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ที่ผ่านมาอาจจะเห็นว่ามีการฆ่าตัวตายมากขึ้น แต่ความจริงแล้วสถิติการการฆ่าตาย ในภาพรวมยังไม่เปลี่ยนแปลง พบประชาชนอายุน้อยสุดที่ฆ่าตัวตาย คือ 10 ขวบ กลุ่มอายุที่ฆ่าตัวตายมากสุด คือ อายุตั้งแต่ 35- 45 ปี เป็นกลุ่มวัยทำงานที่ต้องเผชิญปัญหาในหลายๆสาเหตุ เช่น มีอาการเครียดเรื้อรังจากการใช้วิชีวิต ความเป็นอยู่ อาจจะทำให้มีความกดดัน มีภาวะเจ็บป่วยมีโรคประจำตัว มีอาการเจ็บป่วยทางจิตใจ และภาวะการเครียดจากเรื่องงานซึ่งอาจพบได้ในกลุ่มอาชีพที่งานมีภาวะการกดดันสูง การตัดสินใจถึงขั้นฆ่าตัวตายนั้นมักจะไม่ได้มาจากสาเหตุเดียวแต่เป็นหลายๆปัจจัยรวมกัน
พญ.พรรณพิมล กล่าวต่อว่าการสังเกตว่าคนใกล้ตัวมีภาวะเครียดจนอาจจะนำไปสู่การฆ่าตัวตาย มี 3 ข้อ คือ 1.สังเกตว่าคนใกล้ตัวมีปัญหาชีวิตอะไรหรือไม่ มีอาการเครียดมากกว่าปกติหรือไม่ หรือมีอาการป่วยทางร่างกายใดๆที่น่ากังวลหรือไม่ 2.เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของคนใกล้ตัวว่า มีอาการท้อแท้ เบื่อหน่าย หมดกำลังใจในการใช้ชีวิต และ 3.ก่อนที่บุคคลใดจะฆ่าตัวตายนั้นพบว่าร้อยละ 90 จะส่งสัญญาณบอกคนใกล้ชิดก่อนว่ากำลังจะตัดสินใจฆ่าตัวตายเช่น มีการพูดบอกว่าไม่อยากมีชีวีตอยู่ สั่งลา เริ่มหาอุปกรณ์ที่จะใช้ฆ่าตัวตาย เขียนจดหมายบอกคนใกล้ตัว หรือที่พบมากในปัจจุบันคือการเขียนข้อความบอกนัยยะผ่านทางโซเซี่ยล หากพกคนที่มีอาการเหล่านี้ควรเข้าไปพูดคุยให้คำปรึกษา ไม่ควรปล่อยให้อยู่ตามลำพัง
“ผู้ที่เริ่มมีภาวะความเครียด เมื่อรู้สึกว่าตนเองมีอาการเครียด กดดัน จากเรื่องต่างๆ ควรยึดหลัก 3 ข้อ ได้แก่ 1.ให้พักผ่อนเยอะๆเพื่อลดภาวะความเครียด 2.หากเครียดจากปัญหาการงานหรือปัญหาชีวิต ควร หาทางออกของปัญหาเพื่อจะได้ลดความเครียดความกดดันลง 3.หากิจกรรมคลายเครียดทำ เช่น ออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง หากพบว่าตนเองเป็นโรคซึมเศร้าต้องเข้ารับการรักษาทันทีเพราะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะฆ่าตัวตายได้ โดยสามารถขอคำปรึกษาจากสายด่วนสุขภาพจิตได้”พญ.พรรณพิมลกล่าว







