อย.สหรัฐขีดเส้นเลิกใช้ไขมันทรานส์ใน 3 ปี

อย.สหรัฐขีดเส้นเลิกใช้ไขมันทรานส์ใน 3 ปี

อย.สหรัฐออกประกาศที่รอกันมานาน สั่งเลิกใช้ไขมันชนิดทรานส์ในการผลิตอาหาร ให้เวลาผู้ผลิตหาสูตรใหม่ใน 3 ปี

สำนักงานอาหารและยาสหรัฐ หรือเอฟดีเอ ประกาศห้ามใช้น้ำมันพืชที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน หรือพีเอชโอ ซึ่งเป็นแหล่งใหญ่ของไขมันทรานส์สังเคราะห์ ในการผลิตอาหาร เนื่องจากได้รับการยอมรับโดยทั่วไปว่าไม่ปลอดภัยสำหรับการบริโภค

นายสตีเฟน ออสทรอฟฟ์ รักษาการผู้อำนวยการเอฟดีเอ กล่าวว่า การตัดสินใจของเอฟดีเอซึ่งเป็นไปตามข้อเสนอที่สั่งห้ามใช้ตั้งแต่ปี 2556 จะช่วยลดโรคหลอดเลือดหัวใจและป้องกันโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน รักษาชีวิตชาวอเมริกันได้หลายพันคนในแต่ละปี

ทั้งนี้ สถาบันการแพทย์แนะนำว่า ไขมันทรานส์ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และไม่เหมาะแก่การบริโภคไม่ว่าจะใช้ในระดับใด

การสั่งขจัดพีเอชโอ ที่ใช้เพื่อทำให้อาหารอยู่ตัวเป็นก้อนแข็ง และยืดอายุผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป จะเป็นการขจัดกรดไขมันชนิดทรานส์ออกจากอาหารในสหรัฐเกือบสิ้่นเชิง แม้ว่าการบริโภคไขมันชนิดอันตรายนี้ ลดลงมาแล้วถึง 78 % ช่วงปี 2546-2555เนื่องจากผู้ผลิตขานรับความต้องการอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และมีข้อกำหนดตั้งแต่ปี 2549 ว่าผู้ผลิตอาหารในสหรัฐจะต้องให้ข้อมูลปริมาณไขมันทรานส์ไว้ที่ฉลากผลิตภัณฑ์อาหารและกระป๋อง แต่กฎหมายยังอนุญาตให้ติดฉลากเป็นว่า มีไขมันทรานส์ 0 กรัมได้ หากมีปริมาณจริงไม่ถึง 0.5 กรัมต่อ 1 ชิ้นหรือหนึ่งเสิร์ฟ

แต่เจ้าหน้าที่เอฟดีเอ ระบุว่ากำลังมีความพยายามที่จะเปลี่ยนกฎข้อนี้อยู่ เนื่องจากมีเสียงท้วงติงว่าเป็นการชี้นำผิดๆแก่ผู้บริโภค นอกจากนี้ ไขมันทรานส์ยังปะปนอยู่ในอาหารยอดนิยมหลายชนิด รวมถึงเครื่องดื่มเกล็ดน้ำแข็ง ป็อปคอร์นไมโครเวฟ พาย พิซซาแช่แข็ง มาการีน และครีมเทียม

ทั้งนี้ เอฟดีไอ ให้เวลาผู้ผลิตอาหาร 3 ปีในการปรับสูตรผลิตภัณฑ์ให้ปราศจากพีเอชโอ หรือยื่นคำร้องต่อเอฟดีเอ เพื่อขออนุญาตใช้เป็นกรณีไปหลังจากมิถุนายน 2561