ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ คิดกลับหางอย่าง 'แกะดำ'

ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ คิดกลับหางอย่าง 'แกะดำ'

เมื่อพิมพ์เขียวของธุรกิจในประเทศไทยเป็นสำเนาเดียวกันหมด เขาจึงฉีกแบบฉบับเดิมเพื่อสร้างวิถีทางธุรกิจใหม่ตามสไตล์ 'แกะดำ'

เอ่ยถึงคำว่า 'แกะดำ' ย่อมหมายถึงความแตกต่าง ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน แล้วถ้าเอ่ยถึง 'แกะดำทำธุรกิจ' คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ นักยุทธศาสตร์ทางธุรกิจคนเดียวในประเทศไทยที่เป็น Contrarian strategist หรือที่เรียกว่าคิดแบบกลับหัวกลับหาง ธุรกิจที่เขาเป็นที่ปรึกษาจึงกลับหัวกลับหาง แต่ขณะเดียวกันก็มีเอกลักษณ์ แตกต่างจนกระทั่งล้ำหน้าเหนือคู่แข่งเลยทีเดียว

นอกจากธุรกิจของเขาจะมีความเป็นแกะดำเต็มเปี่ยม ทั้งชีวิตของเขาก็เป็นแกะดำเต็มตัวอีกด้วย

๐ เป็นนายกสมาคมคนเพื่อนน้อย?
ผมจะเลือกคบค้าสมาคมคนที่มีจริตตรงกับผมจริงๆ เพราะเวลาคนอยู่ใกล้กันและคิดเหมือนกัน คุยกันไม่ต้องระวังคำพูดครับ ข้อที่สองคือเราสนใจที่อยากจะฟังในสิ่งที่เขาพูด สมมติว่าผมไปเจอเพื่อนแล้วเริ่มทะเลาะกันเรื่องการเมือง คนจะไม่เข้าวงนั้นเลย คำถามคือว่ามนุษย์มีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ ทำไมมนุษย์ไม่เลือก แต่พอดีผมเป็นคนเลือก ผมเลือกทั้งคนที่จะไปกินข้าวด้วย ไปเที่ยวด้วยและผมเลือกคนที่จะมาเป็นลูกค้าผมด้วย

ถ้าคุณไม่ใช่แกะดำ อย่ามาใช้บริการผม เสียเวลา จ่ายมาสิบล้านผมยังไม่เป็นให้เลย เพราะผมจะต้องไปโน้มน้าวจิตใจเพื่อให้เขาเชื่อ มันเหนื่อยนะ ผมถึงบอกว่าผมเป็นนายกสมาคมคนเพื่อนน้อย

๐ ที่เรียกว่าจริตตรงกันคืออะไร?
ทัศนคติ ผมเชื่อว่าทัศนคติเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ผมจะไม่คบคนที่ทัศนคติแบบนี้นะครับ...จิตตก ขี้บ่น วิตกกังวล ชอบนินทาคน ไม่คบเลย เพราะแค่พูดถึงนี่ไปอยู่ด้วยแล้วทำให้เรารู้สึกไม่ดี

๐ วันหนึ่งๆ ทำอะไรบ้าง?
ผมจะใช้เวลาส่วนใหญ่เขียนหนังสือ ตื่นมาก็เขียนแฟนเพจตัวเอง และจะใช้เวลาค้นหาข้อมูลอยู่ในโลกออนไลน์ไม่ต่ำกว่าสี่ชั่วโมง เนื่องจากเราเป็นบริษัทที่ปรึกษา ผมก็จะแนะนำข้อเสนอทางธุรกิจเพื่อให้แก้ปัญหาของลูกค้าได้ หลักของผมคือ คิด เขียน อ่านและพูด

๐ เป็นคนจริงจังและมีสาระตลอดเวลา?
ถ้าดูในเฟซบุ๊คจะรู้ว่าผมก็มีทำตัวเหลวไหล แต่เป็นความเหลวไหลที่ไม่หลุดโลก สมมติเวลามีอยู่ 100 ผมอาจจะเหลวไหลสัก 5% คือมนุษย์ต้องมีทั้งสนุกและมีสาระ มีสาระมากเกินไปก็ปวดหัว

แต่คุณพูดถูกที่ว่าแก่นแท้แล้วผมเป็นคนจริงจัง และที่ผมทำมาทั้งหมดเพราะมีความตั้งใจอย่างหนึ่งคือ อยากให้ประเทศนี้มีวันที่ดีกว่าวันนี้ คืออยากให้คนไทยเห็นเรื่องๆ หนึ่งที่ทำให้เปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตตัวเองได้ ผมเกิดมาในประเทศนี้ ได้ดี มีโอกาส เลยอยากถ่ายทอดอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ผู้คนครับ นั่นคือความตั้งใจของผม


๐ จริงจังแบบนี้เลยเถิดไปกลายเป็นเครียดหรือเปล่า?
ไม่เคยเครียดเลย คนไทยมีคำทักทาย คุณประเสริฐสบายดีไหม? ผมตอบเลยว่าสบายดีทุกอณูของชีวิต สมัยก่อนไม่เคยเป็นนะ เพิ่งมาเป็นเมื่อช่วงห้าปีหลัง คำว่าสบายดีทุกอณูของชีวิตคืออะไร สมัยก่อนตอนที่ผมทำโฆษณา จะถูกลูกค้าขู่ว่าถ้าทำงานไม่ดีเดี๋ยวจะเปลี่ยนไปเจ้าอื่นนะ สมัยก่อนกลัวว่าธุรกิจจะหลุด พอกลัวปุ๊บก็เกิดวิตกจริตแล้ว สิ่งที่ผมทำตอนนั้นคือถ่ายทอดความวิตกจริตให้แก่ทีมงาน ทีมงานก็กลับไปนอนฝันร้าย มือก็สั่นเวลาทำงาน กลัวว่าทำแล้วจะพลาด

เดี๋ยวนี้ถ้าใครมาขู่ผมนะ ผมจะบอกเลยว่า พี่อย่าขู่ผมนะ ถ้าพี่ขู่ ผมก็จะทำงานไม่ดีให้พี่ ผลลัพธ์ก็คือคุณภาพงานที่พี่ได้รับมันจะห่วย ถ้าพี่ไม่พอใจเดี๋ยวผมจะไปปรับปรุงให้ แต่ถ้าไม่พอใจจริงๆ เลิกกันเลย ไม่ต้องทำดีกว่า พูดง่ายๆ เดี๋ยวนี้ไม่กลัว

ข้อที่สองคือผมเลือกแต่สารที่ไม่มีพิษใส่สมอง ผมถึงเป็นนายกสมาคมคนเพื่อนน้อย ผมไม่อ่านข่าวร้ายๆ รับรู้นิดหน่อยก็พอ รายการเล่าข่าวทุกรายการผมไม่ดู กลับไปบ้านผมดูบรูมเบิร์ก ซีเอ็นบีซี ซีเอ็นเอ็นผมดูแค่ข่าวธุรกิจนะครับ และดูรายการอาหาร ซีรีส์ก็ดูเฉพาะที่ตลกๆ ที่ผมบอกว่ามีความสุขคือมนุษย์สร้างความสุขให้ตัวเองได้ เริ่มต้นจากทัศนคติของตัวเอง

๐ เมื่อ 5 ปีก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร?
ก่อนหน้านี้เหมือนทุกคน ทุกข์กับสุขพอๆ กัน และกังวล ชีวิตของมนุษย์ประกอบด้วยสองอย่างแค่นั้นเอง สิ่งที่ควบคุมได้กับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ คนส่วนใหญ่จะกังวลกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ก็เช่นยอดขายตกเพราะเสื้อเหลืองกับเสื้อแดงตีกัน ค่าเงินบาทผันผวนเยอะก็เลยทำให้ต้นทุนทางการค้าสูง เศรษฐกิจไม่ดีเพราะเกิดการปฏิวัติมาเป็นปีแล้ว นี่ควบคุมไม่ได้

แต่ชีวิตผมไม่มีเพราะผมมีแต่สิ่งที่ควบคุมได้ ถามว่าสิ่งที่ผมควบคุมไม่ได้แล้วมีผลต่อชีวิต เช่น เสื้อเหลืองเสื้อแดงตีกันมีผลต่อผมไหม มีแน่นอน แต่ผมย้ายของบางอย่างที่ควบคุมไม่ได้มาควบคุมได้ ยกตัวอย่างง่ายๆ ปี 2551 ผมอ่านเว็บไซต์เมืองนอกแล้วรู้เลยว่าอเมริกาต้องเจอวิกฤติ และจะมาเมืองไทยแน่นอน

ตอนปลายปีนั้นผมจึงขับรถไปทั่วกรุงเทพฯ สุดท้ายไปได้ธุรกิจจากกระทิงแดง 100 ล้านบาท พูดง่ายๆ คือผมวางแผนล่วงหน้าไง ย้ายสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ให้มาเป็นสิ่งที่ควบคุมได้

๐ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้?
ทุกคนทำได้ เพียงแต่ว่าต้องเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนทัศนคติตัวเองก่อน สมมติว่าบริษัทนี้ค้าขายไม่ดี ยอดขายลดลง ควบคุมไม่ได้ผมย้ายมาควบคุมได้ โดยเรียกพนักงานมาหมดเลย แล้วบอกว่าผมกับหุ้นส่วนจะลดเงินเดือนเป็นคนแรกก่อน ลดไปเลย 50% พวกคุณลดคนละ 15% ได้ไหมชั่วคราว เพราะตอนนี้เราเดือดร้อน กินน้อยใช้น้อยหน่อย อยู่ได้แน่นอน ผมถึงบอกว่าของที่ควบคุมไม่ได้เราย้ายให้มาควบคุมได้ แต่มนุษย์ส่วนใหญ่วันๆ ชอบไปอยู่กับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้แล้ววิตกจริต

๐ อะไรคือจุดพลิกผันที่ทำให้คิดแบบนี้ได้?
เมื่อเก้าปีที่แล้ว ผมถูกรถชนเป็นตายเท่ากัน วันที่อยู่ในห้องไอซียูก็ถามตัวเองเลยว่า ออกไปคราวนี้จะใช้ชีวิตเหมือนเดิมไหม ผมก็ตอบตัวเองว่าจะไม่ใช้ชีวิตเหมือนเดิม สมัยก่อนผมใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป ทำงานหาเงิน อยากได้เงินเพื่อดูแลครอบครัว ตอนนี้เงินเป็นแค่ปัจจัยที่ทำให้ดำรงชีพได้ แต่หัวใจสูงสุดที่มนุษย์ต้องการคือความสุข นั่นเป็นสาเหตุที่ผมเขียนหนังสือเล่มล่าสุด 'ความสุข'

๐ นิยามของแกะดำคืออะไร?
ถ้าพูดสั้นๆ เรื่องๆ เดียวคือเป็นการทำอะไรก็แล้วแต่ที่คนอื่นไม่ทำ แต่มีเหตุผลสนับสนุนนะ ไม่ใช่คิดแบบเพี้ยนๆ นะ เช่น ถ้าผมจะเปิดอู่ซ่อมรถ จะเปิดวันอาทิตย์ เพราะอู่ซ่อมรถในประเทศนี้ปิดวันอาทิตย์ ผมเปิดเพราะวันอาทิตย์คนมีเวลาว่างมากที่สุด ถ้ารถเขาเสียก็จะเอารถมาให้ผมซ่อม ถ้าใครเอารถมาซ่อมจะมีรถสำรองไว้ให้ใช้

อย่างนี้แปลกไหม แปลก ลูกค้าอยากได้ไหม ลูกค้าอยากได้ ถามว่าผมจะเอารถที่ไหนให้เขายืม ไม่ยากเลย พวกให้เช่ารถมีอยู่นี่ครับ ผมไปตกลงกับศูนย์เช่ารถใหญ่ว่าหนึ่งปีผมจะเช่ารถคุณ 300 วัน ถ้าใครเอารถมาให้ผมซ่อมก็ไปเอารถเช่าไปใช้ ผมไม่ต้องซื้อรถด้วย ด้วยการที่ผมเช่ารถ 300 วันต่อปี ผมจะได้เรทค่าเช่าต่ำแน่นอน

ทุกอย่างที่ผมพูดมามีเหตุผลสนับสนุนด้วย แต่ผู้ประกอบการไทยไม่ค่อยกล้าทำอย่างนี้ เพราะคือไปว่าจะมีคนมาใช้บริการเหรอ ต้นทุนก็แพง ผมถึงบอกว่าชาติหน้าถ้าเกิดมาใหม่ผมก็ขอมาเกิดประเทศนี้อีกที เพราะโอกาสทางธุรกิจมหาศาล พวกคุณไม่อยากทำ ดีแล้วผมจะได้ทำ

๐ อะไรที่ทำให้คนส่วนมากคิดไม่ได้ ทั้งที่เป็นเรื่องที่คิดไม่ยาก?
คนไทยไม่ถูกฝึกให้คิดริเริ่ม คนไทยไม่เคยถูกฝึกให้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ คนไทยไม่เคยถูกฝึกให้ใช้จินตนาการ ถามว่าเกิดจากอะไร..."ระบบการศึกษา" กับ "ระบบอาวุโส"

ระบบการศึกษาคืออะไร จำ จำ จำ ท่อง ท่อง ท่อง ระบบอาวุโสคืออะไร เธออย่ามาเถียงฉันนะ ฉันเป็นพ่อเธอนะ ฉันเป็นเจ้านายเธอนะ เพราะฉะนั้นคนจึงไม่เคยฝึกปรือสิ่งเหล่านี้
และเมื่อคุณฝึกสมองข้างขวาแล้วต้องฝึกสมองข้างซ้ายด้วยว่าสิ่งที่สมองขวาคิดมามันมีตรรกะและเหตุผลสนับสนุนหรือเปล่า

และอีกอย่างที่อยากบอกคือคนไทยขาดความกล้า ฉันคิดอันนี้ได้แล้วทำไมไม่มีใครทำนะ ที่ไม่มีใครทำเพราะมันเป็นไอเดียที่ทำแล้วเสี่ยง ทำแล้วคงเจ๊ง งั้นฉันไม่ทำดีกว่า แต่ผมคิดกลับกัน เวลาผมคิดไอเดียอะไรได้ที่คนอื่นไม่คิด ผมจะรีบทำเป็นคนแรกเลย ทุกอย่างมันอยู่บนปัญหาของวิธีคิด

๐ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
เกิดจากสิ่งๆ เดียวเท่านั้น คือ การที่ผมไม่ยินดีที่จะเป็นคนเดิมเมื่อตอนที่ผมอายุสี่สิบปี ตอนนั้นผมเป็นแค่คนโฆษณา ผมไม่มีความสุขเพราะลูกค้ากดดัน ผมจึงไม่อยากเป็นคนโฆษณาแล้ว สิ่งที่ผมทำคือพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง มันเป็นเรื่องง่ายที่สุดเพียงแต่ว่าคนไทยอยากจะทำหรือเปล่า อ่านหนังสือทุกเล่มที่ผมสนใจ ซื้อหนังสือทุกเล่มทุกเล่มที่ผมคิดว่ามีประโยชน์ ใช้ชีวิตในโลกออนไลน์วันละไม่ต่ำกว่าสี่ชั่วโมง ดูหนัง ฟังเพลง คุยกับคน หลังจากนั้นผมจะได้ภาพใหญ่ภาพหนึ่ง

ผมอ่านหนังสือจะไม่เหมือนคนอื่น คือผมจะตั้งประเด็นก่อนว่าชีวิตผมสนใจเรื่องอะไร มนุษย์ส่วนใหญ่เวลาอ่านหนังสือไม่เคยกำหนดหัวข้อของตัวเอง บางคนร้ายกว่านั้น มาบอกผมว่าอ่านหนังสือ 5,000 เล่ม ผมว่าพี่บ้าแล้ว มนุษย์ทุกคนมีเวลาเท่ากัน ถ้าคุณอ่านมากขนาดนั้นคืออะไร...คุณเป็นเป็ด แต่ผมอ่านกว้างอ่านลึกในสิ่งที่สนใจผมจึงเป็นนกอินทรี บางเรื่องผมไม่รู้เพราะไม่จำเป็นต้องรู้ ถ้าลูกค้าอยากให้ช่วยเรื่องที่ผมไม่เก่งผมก็หาคนเก่งด้านนั้นมาช่วยผม

เมื่อผมกำหนดหัวข้อแล้ว ผมจะซื้อหนังสือที่อยู่ในหัวข้อนั้นๆ และไม่อ่านหนังสือที่อยู่นอกหัวข้อ พออ่านจากแต่ละหัวข้อผมนำมาเชื่อมโยงเป็นภาพใหญ่ และหยิบภาพใหญ่แต่ละภาพมาเชื่อมโยงกับภาพใหญ่อื่นๆ ทำให้ได้ภาพใหญ่ของเรื่องที่ผมสนใจอีกอันหนึ่ง นี่เรียกว่า connecting the dot

๐ ทุกวันนี้เป็นนกอินทรีด้านไหน?
ผมมั่นใจว่าผมเป็นนักธุรกิจที่คิดอะไรกลับหัวกลับหางคนเดียวในประเทศไทย

๐ มีอะไรการันตีว่าจะประสบความสำเร็จ?
ไม่มีเลย เพียงแต่ว่าลงทุน 100 บาท ได้แค่ 50 สตางค์ ผมยังทำเลย ลงทุนอีก 1,000 บาท ได้ 1 บาท ผมยังทำเลย ความหมายคือเริ่มต้นจากศูนย์ ลงทุน 100 บาท ได้ 50 สตางค์ ชีวิตขยับไหม ขยับ ทำไปมันก็ขยับๆ สุดท้ายมันก็ไปถึงจุดหมายแน่นอน แต่คนไทยชอบคิดว่าฉันลงทุน 10 ล้านบาท ต้องได้กลับมาอย่างน้อย 10 ล้านบาทถึงจะทำ ผมว่านี่เป็นวิธีคิดที่ผิด ผมคลานทีละนิดๆ ยังไงผมก็ถึง แต่คนส่วนใหญ่ไม่อยากคลานเพราะกลัวเจ็บเข่า จึงไม่มีทางขยับเลย

๐ รู้ตัวว่าเป็นแกะดำตั้งแต่เมื่อไร?
ตอนอายุ 42 ปี

๐ คิดว่าช้าไปไหม?
ช้า ซูเปอร์ช้าเลย เคยสังเกตไหมว่า สตีฟ จ็อบส์, มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก, บิลด์ เกต ประสบความสำเร็จเมื่อไร อายุ 20 กว่าๆ เพราะอะไรครับ เพราะเขารู้ตัวตั้งแต่อายุ 20 กว่าแล้วว่าฉันเป็นเลิศทางนี้ นั่นเป็นสาเหตุที่ผมเขียนหนังสือ ออกบรรยาย พูดทั่วประเทศเพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ค้นหาตัวเองเจอ ถ้าคุณค้นหาตัวเองเจอก็จะประสบความสำเร็จเร็ว ไอ้ผมเนี่ยแก่เกินแกง ผมรู้ช้าครับ

...แต่สำหรับ 'คุณ' ไม่มีคำว่าช้าเกินไปถ้าคิดจะเป็นแกะดำ