ชี้50% คนฆ่าตัวตายเพราะเครียดเรื่องงาน

"พญ.พรรณพิมล" เผยคนไทยฆ่าตัวตายสำเร็จ 6 ต่อประชากรแสนคน เผย 50% มาจากความเครียดสะสมเรื่องงาน
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงปัจจัยกระตุ้นทำให้คนฆ่าตัวตาย ว่า การฆ่าตัวตายมีปัจจัยร่วมหลายอย่าง ซึ่งความเครียดจากการทำงานก็เป็นหนึ่งในปัจจัยกระตุ้น ส่วนใหญ่จะมีปัญหามาก่อนและมีปัญหาอื่น ๆ รุมเร้าเข้ามาหรือไม่ก็เป็นเพราะงานมีปัญหาเรื้อรังสถานการณ์แย่ลงเรื่อย ๆ พอถึงระยะเวลาหนึ่งอารมณ์จะขยับจากความเครียด ความกดดันมาเป็นความหมดหวัง ท้อแท้ต่อปัญหา และไม่รู้ว่าจะต่อสู้ต่อไปอย่างไร ก็อาจจะมีความคิดทำร้ายตัวเอง ทั้งนี้เมื่อเริ่มมีความคิดนี้แล้วจะควบคุมตัวเองไม่ได้ และเริ่มหาวิธีลงมือตรงนี้กลายเป็นโอกาสในการฆ่าตัวตายสำเร็จ นอกจากนี้การเสนอข่าวของสื่อมวลชนก็เป็นตัวกระตุ้นให้เลียนแบบการฆ่าตัวตายเช่นเดียว กันเพราะคิดว่าน่าจะเป็นทางออกของปัญหา ดังนั้นต้องระวังให้มากเสนอให้ทราบว่าการฆ่าตัวตายไม่ใช่ทางออกของปัญหาแต่เสนอให้เห็นถึงทางออกว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้พบคนฆ่าตัวตายถี่ขึ้นสวนทางกับผลการสำรวจของกรมสุขภาพจิตที่พบว่า คนไทยมีระดับความสุขค่อนข้างสูงข้อมูลนี้สะท้อนอะไรหรือไม่ พญ.พรรณพิมล กล่าวว่าในการสำรวจนั้นเป็นเพียงค่าเฉลี่ยที่พูดถึงคนกลุ่มใหญ่ ที่ยังมีความสุขแต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่มีความสุข โดยในคนที่ไม่มีความสุขหมายความว่าตัวเขามีความทุกข์เป็นพื้นฐานถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงนำมาสู่การฆ่าตัวตาย ทั้งนี้จากการสำรวจสถานการณ์การฆ่าตัวตายเมื่อปี 2557 พบว่า คนไทยมีอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จอยู่ที่ 6 คน ต่อแสนประชากร ร้อยละ 50 มีปัญหาชีวิตปัญหาสุขภาพจิตมาก่อน อีกร้อยละ 50 เป็นกลุ่มที่เพิ่งเข้าสู่ปัญหาจากความเครียดเรื่องงานสะสมมาและตัดสินใจทันทีฆ่าตัวตายเพราะคิดว่าเป็นทางออก เพราะฉะนั้นใน 1 คนที่ฆ่าตัวตายต้องเข้าไปวิเคราะห์ว่ามีสาเหตุมาจากอะไรไม่สามารถวิเคราะห์เหมือนกันหมด
“ในคนที่มีปัญหารุมเร้าหลายอย่าง กดดันเรียกว่ามีโอกาสไปสู่ภาวะอื่น ๆ ที่มากกว่าความเครียดจากการทำงาน เหนื่อยหน่ายไปสู่ภาวะซึมเศร้าเมื่อไหร่มีเกิดภาวะซึมเศร้าแล้วความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายสูงกว่าคนที่เครียดจากการทำงานทั่วไปถึง 4 เท่า แต่หากได้รับการรักษาความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายก็จะลดลง”รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว




