หลาน'ฉลอง ภักดีวิจิตร'ทิ้งจม.ลาผูกคอตาย

หลาน'ฉลอง ภักดีวิจิตร'ทิ้งจม.ลาผูกคอตาย

สลด! หลาน "ฉลอง ภักดีวิจิตร" ผูกคอตาย ทิ้งจม.ลาตัดพ้อชีวิตล้มเหลว

ร.ต.อ.ทรงพล หมอกกลั่น พนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร รับแจ้งพบผู้ผูกคอเสียชีวิตบริเวณบันไดหนีไฟ ในคอนโดมิเนี่ยม ชื่อ รัชดาเพลสทีจ ซ.ลาดพร้าว 48 แยก 3-3 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว ผกก.สน.สุทธิสาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.สุทธิสาร

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารที่พักอาศัยสูง 8 ชั้น บริเวณบันไดหนีไฟชั้น 7 พบนายกิตติ นวกิตติคุณ หรือนามสกุลเดิม ภักดีวิจิตร อายุ 53 ปี ผู้กำกับภาพยนตร์ และเป็นหลานชายของนายฉลอง ภักดีวิจิตร ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ใช้เชือกไนลอนผูกคอตัวเองกับราวเหล็กบันไดหนีไฟ ร่างห้อยอยู่ระหว่างบันไดหนีไฟชั้น 6 กับชั้น 7 บริเวณพื้นชั้น 7 เหนือศพผู้เสียชีวิต มีรองเท้าวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ 1 คู่ และมีกระเป๋าคาดเอว วางอยู่ด้วย จากการตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตพักอาศัยอยู่กับลูกชาย ที่ห้องเลขที่ 255/64 ชั้น 3 ของอาคารดังกล่าว ภายในกระเป๋าคาดเอวที่พบในจุดเกิดเหตุมีจดหมายลาตาย เขียนด้วยลายมือใส่กระดาษสมุดฉีกขนาด เอ5 จำนวน 10 แผ่น มีใจความแนวตัดพ้อชีวิตล้มเหลว ทำอะไรก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ขอโทษคนในครอบครัวที่ตัดสินใจฆ่าตัวตาย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในห้องพักและจุดเกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ หรือห้องถูกรื้อค้นแต่อย่างใด สันนิษฐานน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง

สอบถามชายผู้พักอาศัยอยู่ชั้น 6 ซึ่งเป็นผู้เห็นศพ บอกว่า เมื่อเวลาประมาณ 08.30 น. ออกจากห้องเพื่อมาสูบบุหรี่อยู่บริเวณบันใดหนีไฟชั้น 6 ระหว่างสูบบุหรี่อยู่ได้เงยหน้าขึ้นไปเห็นชายใช้เชือกผูกคอตัวเองห้อยโตงเตงที่ราวบันไดชั้น 7 รู้สึกตกใจ มั่นใจว่าเสียชีวิตแล้วเนื่องจากหน้าเขียวคล้ำตัวแข็ง เมื่อตั้งสติได้จึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวว่า เกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายกิตติ น่าจะเป็นการฆ่าตัวตายเอง เนื่องจากมีจดหมายเขียนด้วยลายมือชื่อ สั่งเสียคนในครอบครัว เพราะมีปัญหาชีวิต มีความล้มเหลวในชีวิต ทำอะไรก็ไม่ประสบผลสำเร็จ โดยทางญาติก็ไม่ติดใจการเสียชีวิต จากการสอบถามลูกชายของนายกิตติทราบว่ามีอาการเครียด ซึมเศ้ามาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่มีประวัติการรักษา หรือมีโรคประจำตัวแต่อย่างใด ซึ่งนายกิตติ ก็หายไปจากห้องพักตั้งแต่ตอน 23.00 น. วันที่ 21 ธ.ค. ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าผู้เป็นพ่อน่าจะออกไปหาเพื่อน แต่ก็มาพบเป็นศพผูกคอเสียชีวิตที่ราวบันไดหนีไฟชั้น 7 อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ส่งศพนายกิตติ ไปให้แพทย์นิติเวช รพ.รามาธิบดี ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตให้แน่ชัดอีกครั้ง

ทั้งนี้นายกิตติ เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบจับกุมเมื่อปี 2553 ตาม หมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 1308/2550 ลงวันที่ 6 ธ.ค.49 ในความผิดตาม พ.ร.บ.อันเกิดจากการใช้เช็ค และไม่มาศาลตามกำหนดนัด โดยจับกุมได้ที่บริเวณ ร้านอาหารลานร่มไม้ ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม เขตลาดพร้าว การจับกุมครั้งนั้นสืบเนื่องจากเมื่อปี 2549 นายกิตติ เจ้าของบริษัท 56 จำกัด ได้สร้างภาพยนตร์ เรื่อง “ฉันรักผัวเขา” นำแสดงโดย บี๋ ธีรพงษ์ เหลียวรักวงศ์, ตุ๊กตา อุบลวรรณ บุญรอด และ มาริษา สัมฤทธิ์สุข เพื่อจำหน่ายเป็นแผ่นซีดี โดยมีการว่าจ้างบริษัท ออนเนอร์ มีเดียร์ จำกัด ทำการโฆษณาในราคากว่า 3 แสนบาท แต่ปรากฏว่าจ่ายเช็คไปแล้วไม่สามารถขึ้นเงินได้จึงมีการฟ้องร้องเรียกค่า เสียหายแต่ผู้ต้องหากลับหนีศาลจึงถูกออกหมายจับ

ขณะนั้นนายกิตติ บอกว่า เป็นหลานชายของนายฉลอง ภักดีวิตร ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง และเมื่อปี 2548 ลงทุนสร้างภาพยนตร์เรื่องเกมล่าทรชนแต่ขาดทุนไม่มาก จากนั้นได้สร้างภาพยนตร์เรื่อง “ฉันรักผัวเขา” เป็นเรื่องที่สอง แต่ขาดทุนไป 2 ล้านบาท ที่ผ่านมาพยามยามขอประนอมหนี้กับเจ้าหนี้แล้วแต่ตกลงกันไม่ได้จึงเป็นคดีดัง กล่าวอย่างไรก็ตามได้มีนายทุนลงทุนให้ทำหนังเรื่อง “พยัคฆ์ร้าย 6 แผ่นดิน” นำแสดงโดย ดอม เหตระกูล และซอนย่า คูลลิ่ง ก็คิดว่าน่าจะพอมีกำไรมาใช้หนี้บางส่วนได้แต่ก็มาถูกจับกุมเสียก่อน ส่วนนายฉลองนั้นเป็นลุงแต่ที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้มาสนใจอะไรเพราะเดิน กันคนละเส้นทาง