ฮ.บินตรวจน้ำท่วมตกเจ็บ4 นราฯส่อจมบาดาลถึงปีใหม่

ฮ.กองทัพภาคที่ 4 เจอพายุตกกลางสวนยางขณะบินตรวจน้ำท่วมพื้นที่ยะลา ทหารเจ็บเล็กน้อย 4 นาย
ด้านผู้ว่าฯนราธิวาสคาดน้ำท่วมลากยาวถึงปีใหม่ ผู้อพยพเริ่มเบื่อหน่าย พบศพทหารเรือล่มขณะออกช่วยน้ำท่วมแล้ว ขณะน้ำจากยะลาไหลลงสู่แม่น้ำปัตตานี ส่งผลน้ำท่วมหนักหลายพื้นที่ ชาวบ้านอพยพ-ถนนถูกตัดขาด
พล.ท.ปราการ ชลยุทธ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงกรณีที่เฮลิคอปเตอร์ ฮท.206 ของกองทัพภาคที่ 4 ประสพอุบัติเหตุตกในพื้นที่ บ้านปอเยอะ ม.4 ต.ลำใหม่ อ.เมือง จังหวัดยะลา ว่า เป็นการบินปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนและช่วยเหลือประชาชนที่ประสพน้ำท่วม เนื่องจากในขณะนี้พื้นที่ดังกล่าวฝนตกหนักมาก ประจวบเหมาะกับบางพื้นที่เข้าถึงยาก จึงต้องบินลาดตระเวนตรวจดูความเสียหาย แต่พอบินขึ้นไปแล้วเจอพายุฝน จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว
ฮ.ตกทหารเจ็บเล็กน้อย4นาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้ ประกอบด้วยนักบิน 2 นาย ได้แก่ ร.อ.เสกสรร ภูรผล อายุ 33 ปี ร.ท.อภิสิทธิ์ พระหาชา อายุ 32 ปี และช่างเครื่อง 2 นาย คือ จ.ส.อ.สงวน หมื่นคำเรือง อายุ 55 ปี และ จ.ส.อ.กิตติพงษ์ แสนทิช อายุ 37 ปี ทั้งหมดเป็นทหารสังกัดหน่วยเฉพาะกิจที่ 16 ที่ได้รับบาดเจ็บและถูกลำเลียงนำส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา จนทุกคนรู้สึกตัวดีจากอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ในขณะที่นักบิน และช่างเครื่อง ทั้ง 4 นาย นำเฮลิคอปเตอร์ออกบินจากค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เพื่อสำรวจสภาพน้ำท่วมในพื้นที่ จ.ยะลา ระหว่างที่กำลังนำเครื่องบินกลับไปยังค่ายสิรินธร มาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ เกิดสภาพอากาศแปรปรวน ทัศนวิสัยไม่ดี จนทำให้เครื่องเกิดอุบัติเหตุในที่สุด
ชาวบ้านเล่าฮ.ตกกลางสวนยาง
ขณะที่ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุมีฝนตกโปรยปราย ก็มองเห็นเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ บินผ่านมาแต่รู้สึกว่าบินต่ำมาก และเห็นว่าเครื่องเฮลิคอปเตอร์บินโฉบยอดต้นยางพาราไประยะหนึ่ง ก่อนที่จะชนยอดต้นยางพารา แล้วตกลงในสวนยาง เสียงดังสนั่น และเมื่อตนพร้อมญาติๆ วิ่งไปดู ก็พบทหารปีนออกจากเฮลิคอปเตอร์
คาดน้ำท่วมนราฯยาวถึงปีใหม่
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นราธิวาส นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าเมื่อวานนี้ ฝนที่ตกลงมาเริ่มเบาบาง และตกเป็นช่วงๆ ในบางพื้นที่ ทำให้ปริมาณฝนที่ตกลงมามีปริมาณสะสม 100 มิลลิเมตร ในพื้นที่ อ.แว้ง และสุคิริน
ส่งผลทำให้มวลน้ำก้อนนี้สมทบกับน้ำป่า ได้ไหลมาสมทบลงแม่น้ำสุไหงโก-ลก มีปริมาณน้ำท่วมขังสูงกว่าตลิ่ง และมวลน้ำดังกล่าวจะไหลผ่านไปยังลำน้ำในพื้นที่ อ.ตากใบ ส่งผลทำให้บ้านเรือนที่ปลูกอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มและริมตลิ่ง มีปริมาณน้ำท่วมขัง 3 หมู่บ้านในพื้นที่ ต.นานาคต่อเนื่องเช่นกัน
นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าฯ นราธิวาส คาดการณ์ว่าสภาวะน้ำท่วมในครั้งนี้ มีแนวโน้มคาบเกี่ยวถึงช่วงปีใหม่ จากที่เดิมคาดว่าจะกลับเข้าสู่สภาพปกติในช่วงเพียง 1 สัปดาห์ เนื่องจากสถานีอุตุนิยมวิทยา จ.นราธิวาส ได้ประกาศเตือนจะมีฝนตกลงมาอย่างหนักอีกละลอกในพื้นที่ จ.นราธิวาส ในช่วงวันที่ 22-24 ธ.ค.นี้อีก
ส่วนการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งถือว่าหนักสุดในรอบ 9 ปี ของจ.นราธิวาสนั้น ได้มีประชาชนร่วมบริจาคอาหารแห้ง อาทิ ข้าวสาร อาหารกระป๋อง ผ่านมูลนิธิธารน้ำใจสุไหงโก-ลก และทางมูลนิธิฯ ได้นำของที่ได้รับบริจาค ออกตระเวนแจกจ่ายให้กับชาวบ้านตามโรงครัวในแต่ละแห่ง เพื่อปรุงสำเร็จแล้วออกแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัยต่ออีกทอดหนึ่ง
ด้านประชาชน 8 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก และรอบนอกบางส่วน ที่มาอาศัยอยู่อยู่ที่ศูนย์อพยพ 3 แห่ง จำนวนทั้งสิ้น 103 ครัวเรือน รวม 426 คน โดยแยกอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพโรงเรียนเทศบาล 4 จำนวน 88 ครัวเรือน รวม 373 คน ที่ศูนย์เด็กเล็กโรงเรียนเทศบาล 3 จำนวน 7 ครัวเรือน รวม 23 คน และที่โรงเรียนเทศบาล 1 จำนวน 8 ครัวเรือน รวม 30 คน ล่าสุดส่วนใหญ่เริ่มมีความเบื่อหน่าย เนื่องจากกังวลบ้านเรือนและทรัพย์บางส่วนได้รับความเสียหาย แต่โชคดีที่มีเพื่อนบ้านได้ทยอยเดินทางมาพูดคุยและให้กำลังใจต่อเนื่อง จนสามารถลดความตึงเครียดไปได้
ส่งศพทหารช่วยน้ำท่วมกลับชุมพร
สำหรับการจัดศพของ จ.ส.อ.ชาญณรงค์ มะลิชื่น อายุ 34 ปี เจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1914 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 36 ที่นั่งเรือท้องแบนร่วมกับเพื่อนทหาร ไปช่วยอพยพชาวบ้านชุมชนหัวสะพาน เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลกหนีระดับน้ำท่วมขัง แต่ได้เกิดเรือล่มจากกระแสน้ำของแม่น้ำสุไหงโก-ลก ที่เชี่ยวกราก พัดเรือไปกระแทกกับสะพานเหล็กของรถไฟที่สร้างข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก หายไปกับกระแสน้ำ เมื่อช่วงดึกของวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา และได้พบศพในช่วงเย็นของวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น
ทางผู้บังคับบัญชาได้นำศพ จ.ส.อ.ชาญณรงค์ มาประกอบพิธีรดน้ำศพในช่วงเวลา 15.00 น.ที่วัดชลเฉลิมเขต เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก และจะประกอบพิธีพระอภิธรรมศพในช่วงเวลา 17.00 น. ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายศพ จ.ส.อ.ชาญณรงค์ ไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดเลขที่ 31 หมู่ 16 ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร
น้ำจากพื้นที่ยะลาทะลักท่วมปัตตานี
ที่ จ.ปัตตานี น้ำจากตอนบนของ จ.ยะลา จำนวนมากได้ไหลลงสู่แม่น้ำปัตตานีที่ผ่านพื้นที่จังหวัดก่อนลงสู่ทะเล ปรากฏน้ำในแม่น้ำปัตตานีได้ล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ราบลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก โดยระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
สำหรับพื้นที่น้ำท่วม ประกอบด้วย ต.ปะกาฮารัง ต.บาราเฮาะ ต.ตะลูโบ๊ะ อ.เมือง และ ต.ประจัน อ.ยะรัง ประชาชนประมาณพันกว่าครัวเรือนต้องใช้เรือเป็นยานพาหนะ เนื่องจากถนนเส้นทางเข้าหมู่บ้านถูกน้ำท่วมทุกเส้นทาง พื้นที่การเกษตรทั้งไร่อ้อย ไร่ข้าวโพด สวนยาง และพืชผักต่างๆ ได้รับความเสียหาย ระดับน้ำที่ท่วมภายในหมู่บ้านระดับสูงขึ้นถึง 2 เมตร มากกว่าเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมาถึง 50 เซนติเมตร(ซ.ม.) และแนวโน้มสูงขึ้น
ทั้งนี้ น้ำป่าได้ไหลหลากสมทบ ทำให้ปริมาณจำนวนมากไหลลงสู่ทะเลอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เขตเทศบาลเมืองปัตตานี ซึ่งอยู่ในพื้นปลายน้ำ ระดับล้นตลิ่งท่วมเขตเทศบาลเมือง โดยเฉพาะ ต.จะบังติกอ บริเวณถนนหน้าวัง ถนนหลังวัง ถ.กลาพอ และ ต.สะบารัง เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ระดับน้ำ 50 ซ.ม.รถเล็กไม่สามารถผ่านไปมาได้ ชาวบ้านต้องรีบขนทรัพย์สินไว้บนที่สูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่ อ.หนองจิก อ.ยะรัง อ.สายบุรี และเขตอำเภอเมือง ประชาชนกว่า 4,000 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากเป็นพื้นที่ติดแม่น้ำที่ล้นเอ่อท่วมทุกพื้นที่ที่ไหลผ่านเพื่อระบายลงสู่ทะเล ระดับสูงกว่า 1 เมตร เส้นทางหลายสายถูกตัดขาด บางช่วงกินระยะทาง 2 ก.ม. โดยเฉพาะในพื้นที่ ม.4 และ ม.6 ต.คลองใหม่ อ.ยะรัง ที่นอกจากระดับน้ำที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กระแสน้ำได้ไหลเชี่ยวกรากอันเนื่องมาจากอิทธิพลจากน้ำเหนือจาก จ.ยะลา ไหลรวมในแม่น้ำปัตตานี ทำให้น้ำเซาะดินซัดคอสะพานทรุดพังลงมา
นอกจากนี้ ฐานหมวดเฉพาะกิจ หน่วยปฏิบัติการพิเศษปัตตานี 11(มว.ฉก. นปพ.ปัตตานี 11) ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 6 ต.ปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี ระดับน้ำสูงประมาณ 50 ซ.ม พล.ต.ต สมศักดิ์ จันทพิงค์ รอง ผบช.ศชต. เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมกำลังพล พร้อมทั้งปรับแผนการรักษาความปลอดภัย เพื่อเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นและเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งยังมีฐานของหน่วยทหารพรานย่อยที่ 22 อ.ยะรัง ที่ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร และเส้นทางยังถูกตัดขาดด้วย
หลายพื้นที่สงขลายังได้รับผลกระทบ
ส่วนที่ จ.สงขลา หลังเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ทั้ง 8 อำเภอ ประกอบด้วย อ.หาดใหญ่ สะเดา คลองหอยโข่ง จะนะ เทพา นาทวี รัตภูมิ และอ.ควนเนียง น้ำกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เจ้าหน้าที่เร่งสำรวจความเสียโดยพบว่าเส้นทางหลายสายถูกน้ำกัดเซาะไม่สามารถใช้การได้ เช่น เส้นทางลัดที่เชื่อมต่อระหว่าง อ.หาดใหญ่กับ อ.สะเดา คอสะพานบ้านโคกม่วง ต.โคกม่วง อ.คลองหอยโข่ง ถูกน้ำกัดเซาะจนขาด เจ้าหน้าที่ต้องเร่งนำเครื่องจักรมาซ่อมแซมเพื่อให้สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ
ส่วนในพื้นที่ อ.สะเดา ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากน้ำท่วม มีบางโรงเรียนที่ยังถูกน้ำท่วมขังเช่นศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอนุบาล 3 ขวบ หมู่ 1 ต.ท่าโพธิ์ อ.สะเดา ซึ่งอาจจะยังไม่สามารถเปิดเรียนได้ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ลุ่มตลอดแนวลำคลองใน 3 อำเภอ ตั้งแต่ อ.สะเดา คลองหอยโข่ง และอ.หาดใหญ่ ที่ยังมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชาชนอีกบางส่วน




