ร่วมอนุรักษ์ประเพณีลากพระทางทะเล

ชาวบ้านอ.หาดสำราญ ร่วมอนุรักษ์ประเพณีลากพระทางน้ำ ข้ามทะเลหนึ่งเดียวในไทย ส่งเสริมการทำบุญ-ถวายเป็นพุทธบูชา
วันนี้ (16 ต.ค.) ที่ท่าเทียบเรือปากปรน ม.1 ต.หาดสำราญ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง นางวิริยา แก่นแก้ว ผู้ช่วยผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตรัง นายจรินทร์ ณ พัทลุง นายก อบต.หาดสำราญ ร่วมกับชาวบ้านอ.หาดสำราญ กว่า 200 คน ร่วมประเพณีลากพระทางน้ำข้ามทะเล โดยมีเรือพาย จำนวน 9 ลำ ร่วมลากเรือพระน้ำ เพื่อล่องไปในทะเลตรัง จากท่าเทียบเรือบ้านปากปรน เดินทางสู่แหลมจุโหย ตำบลเกาะลิบง และมีกิจกรรมภายในงาน ร่วมสมโภชน์เรือพระทำพิธีสะเดาะเคราะห์ลงเรือจำลอง การลากพระน้ำทางเรือสู่แหลมจุโหย(เกาะลิบง) เป็นระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร
กระทั่งเมื่อถึงแหลมจุโหย จะจัดกิจกรรมกลางแจ้งกันที่บริเวณชายหาด จากนั้น จะตั้งขบวนเรือ และร่วมกันลากกลับที่ท่าเรือบ้านปากปรน โดยถือปฏิบัติสืบทอดกันเรื่อยมานับหลายสิบปีจนถึงปัจจุบัน กระทั่งกลายเป็นประเพณีประจำถิ่นที่ยังหลงเหลือเพียงแห่งเดียวของประเทศไทย ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์ประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นให้ปรากฏคงอยู่สืบไป สมโภชน์เฉลิมฉลองตามเหตุการณ์ในพุทธประวัติ และส่งเสริมการทำบุญของพุทธศาสนิกชน พร้อมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของตำบลหาดสำราญ ให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
ด้วยวิถีชีวิตชาวบ้านปากปรน มีความผูกพันกับสายน้ำและท้องทะเลอันดามัน เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางการประมง ดังนั้นในช่วงออกพรรษา จึงเป็นจุดกำเนินงานประเพณีชักพระทางน้ำของชาวบ้านปากปรนขึ้น โดยทุกวันออกพรรษาทุกคนจะร่วมแรง ร่วมใจกัน จัดข้าวปลาอาหารลงเรือเพื่อร่วมขบวนลากพระไปตามลำคลองในหมู่บ้าน และข้ามทะเลไปยังเกาะลิบง แหล่งอาศัยของพะยูน และแหล่งดูนกอพยพนับแสนตัว ที่แหลมจุโหย รวมระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ระหว่างนั้นได้มีการประกอบพิธีลอยพระเคราะห์ เพื่อเป็นการขอขมาต่อพระแม่คงคา และขอบคุณพระแม่คงคาที่ให้อาชีพจุนเจือครอบครัว ประเพณีลากพระทางทะเล นับเป็นประเพณีโบราณที่ยังคงหลงเหลืออยู่เพียงแห่งเดียวในจังหวัดตรัง
ทั้งนี้ ประเพณีเป็นประเพณีที่เก่าแก่และยาวนาน เนื่องจากชาวบ้านปากปรน และพื้นที่ใกล้เคียงเกือบทั้งหมดมีอาชีพทำการประมงวิถีชีวิตจึงเกี่ยวข้องกับแม่น้ำลำคลองและการใช้เรือ ในสมัยก่อนการเดินทางโดยทางบกเป็นไปด้วยความยากลำบาก ประกอบกับช่วงเวลาการทำประมงของชาวบ้านส่วนใหญ่มักจะทำกันในช่วงที่น้ำทะเลขึ้นสูงหรือ น้ำใหญ่ คือ ระหว่างขึ้น 13 ค่ำ ถึงแรม 5 ค่ำ และแรม 13 ค่ำ ถึงขึ้น 5 ค่ำ รวมทั้งไม่มีวัดอยู่ในหมู่บ้าน เมื่อบ้านอื่นมีการลากพระกันในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 จึงมักไม่มีโอกาสได้เข้าร่วม ดังนั้น ในวันแรม 8 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งเป็นช่วงที่ว่างเว้นจากการประกอบอาชีพ ชาวบ้านจึงร่วมกันนำเอาเรือที่ใช้กันทำประมงมาประกอบตกแต่งเป็นเรือพระแล้วใช้เรือลำอื่นๆผูกลากไปในคลองปากปรน และได้ถือปฏิบัติสืบทอดกันเรื่อยมานับหลายสิบปีจนถึงปัจจุบัน จนกระทั่งเป็นประเพณีประจำถิ่น เพียงแห่งเดียวของประเทศไทย







