วอนช่วยเหยื่อชนแล้วหนีนอนเป็นเจ้าชายนิทรา

วอนช่วยเหยื่อชนแล้วหนีนอนเป็นเจ้าชายนิทรา

แม่วอนช่วยลูกเหยื่อชนแล้วหนี ที่อุดรฯ นอนเป็นเจ้าชายนิทรากว่า5เดือนให้อาหารทางสายยาง ระบุเป็นหนี้รักษาร่วมแสน

ที่บ้านเลขที่ 44 หมู่ 10 บ้านแดง ต.บ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี มีเหยื่อที่ถูกรถชนแล้วหลบหนี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทราบชื่อว่านายคมสันต์ วงษ์ชาลี อายุ 22 ปี นอนเป็นเจ้าชายนิทรา ในขณะที่ครอบครัวของผู้รับบาดเจ็บมีฐานะยากจน โดยบ้านของผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นบ้านปูนชั้นเดียว ตั้งอยู่กลางทุ่งนาท้ายหมู่บ้าน สภาพนอนอยู่บนเตียง ต่อด้วยโครงเหล็กแบบง่ายๆ ตั้งบริเวณหน้าประตูบ้าน

พบนางพิกุลทอง แสนนาเลียง อายุ 60 ปี และนางอุบล วงษ์ชาลี อายุ 31 ปี พี่สาวคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง สภาพของผู้บาดเจ็บนอนไม่รู้สึกตัว มีอาการกระตุกและเกร็งเป็นระยะ ร่างกายผ่ายผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก มีการเจาะคอเพื่อให้อาหารทางสายยาง ต้นขาซ้ายมีเหล็กดามกระดูกเพราะขาหัก มีการเจาะหน้าท้องเพื่อขับถ่ายของเสีย บริเวณศีรษะมีร่องรอยจากบาดแผล ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

นางพิกุลทอง กล่าวว่า ตนและสามีประกอบอาชีพรับจ้าง มีลูกทั้งหมด 6 คน นายคมสันต์เป็นลูกคนสุดท้อง ส่วนพี่ๆ ได้แต่งงานแยกครอบครัวไปหมดลูกชายมีฝีมือทางช่างเชื่อมเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการหาเลี้ยงครอบครัว เมื่อ 2 ปีก่อน ลูกชายได้ไปทำงานช่างเชื่อมกับผู้รับเหมาก่อสร้างที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุต จ.ระยอง โดยส่งเงินมาให้พ่อกับแม่เดือนละ 3,000 บาท

กระทั่งเช้าวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.พิบูลย์รักษ์ แจ้งว่า ลูกชายประสบอุบัติเหตุถูกรถชนเสียชีวิต ที่ จ.ระยอง ศพอยู่โรงพยาบาลมาบตาพุต จึงโทรศัพท์ติดต่อนายคมสันต์ที่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ ให้ไปรับศพน้องที่โรงพยาบาล

ด้าน นางอุบล วงษ์ชาลี พี่สาวนายคมสันต์ ที่วันนั้นเดินทางไปที่โรงพยาบาลมาบตาพุต กล่าวว่า แต่เมื่อไปที่โรงพยาบาลก็พบว่าน้องชายยังไม่เสียชีวิต แต่สภาพสาหัสกระดูกเชิงกรานแตก เนื้อหลุด กระดูกโผล่ ซี่โครงหัก 3 ซี่ ขาซ้ายหัก ศีรษะแตก และมีอาการเกร็งกระตุก แพทย์ระบุว่าสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถามตำรวจแจ้งว่า ไม่มีพยาน ไม่มีวงจรปิด จึงไม่รู้ตัวคู่กรณี หลังรักษาอยู่ 2 เดือน บาดแผลก็ดีขึ้น แต่ไม่รู้สึกตัว เหมือนเจ้าชายนิทรา ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มีการเกร็งกระตุกอยู่ตลอดเวลา ต้องเจาะคอให้อาหาร เจาะท้องเพื่อขับถ่ายของเสีย จึงตัดสินใจนำน้องกลับบ้าน

นางพิกุลทอง กล่าวว่า ค่ารักษาคราวนั้นเป็นหนี้เกือบแสนบาท ปัจจุบันมีค่าใช้จ่าย อาหารป้อนทางสายยางวันละ 300 บาท ถุงและสายยางที่ใช้ขับถ่ายทางหน้าท้องอีกวันละ 60 บาท และค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปหาหมอที่โรงพยาบาลเดือนละ 1,000 บาท ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ รวมแล้วมีค่าใช้จ่ายราวเดือนละ 13,000 บาท ซึ่งเมื่อเดือนกันยายนต้องขายควายไป 1 ตัว ราคา 3 หมื่นบาท เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในการรักษา

"ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลือ หมอไม่ได้ทำหนังสือระบุเป็นผู้พิการ เพราะต้องรอให้ถึง 6 เดือนก่อน จากนั้นจะได้รับเงินช่วยเหลือคนพิการเดือนละ 500 บาท ซึ่งไม่พอกับค่าใช้จ่าย จึงขอวอนผู้ใจบุญช่วยสงเคราะห์ด้วย โดยสามารถโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาตลาดหนองบัว ชื่อบัญชี น.ส.พิกุลทอง แสนนาเลียง เลขที่บัญชี 426-037037-5