'ปีติพงศ์'เผยไร้น้ำทำนาปรัง ชี้ภัยแล้งยาว

'ปีติพงศ์'เผยไร้น้ำทำนาปรัง ชี้ภัยแล้งยาว

"ปีติพงศ์"เผยไร้น้ำทำนาปรัง ขณะที่"พล.อ. อนุพงษ์"ระบุสถานการณืภัยแล้งยาว ส่วน"ดาว์พงษ์"ย้ำ 15 พ.ย. แผนน้ำเสร็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 3 กระทรวง ได้ประชุมร่วมสนองนโยบายสำคัญของรัฐบาล ประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเตรียมความพร้อมการป้องกันและแก้ปัญหาภัยแล้ง ปี 58 และปัญหาด้านอื่นๆ หลังจากการประชุมได้มีการแถลงสรุปการประชุม

โดย นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) กล่าวว่า จากการประมาณการของกรมชลประทาน น้ำที่จะทำนาปรังมีน้อยมากจนแทบจะไม่มีเลย และยังจำเป็นที่จะต้องนำน้ำอีกสองส่วนมาใช้ในการอุปโภคและบริโภค และใช้ในการขับน้ำเค็มที่กำลังจะหนุนเข้าในพื้นที่เกษตร ซึ่งลุ่มน้ำที่จะมีปัญหาคือ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำแม่กลอง ซึ่งขณะนี้กำลังจัดทำแผนที่ เพื่อกำหนดขอบเขตปัญหา ในแง่ของการเยียวยา ก็ได้เตรียมการเรื่องการจ้างงาน ในการทำงานก็จะบูรณาการงานด้วยกัน 3 ส่วน คือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ดูแล นอกเขตชลประทาน และพื้นที่อื่นกับมหาดไทย ดูแล ท้องถิ่น ภูมิภาค ในการร่วมมือแก้ไขปัญหา

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ทั้งสามหน่วยงานจะกำหนดพื้นที่ ที่จะเกิดปัญหาภัยแล้ง ต้องระบุได้ว่าที่ไหน ขาดน้ำ ทั้งการเกษตรและการบริโภค ตนคิดว่าไม่น่าจะเกินวันพุธที่ 8 ต.ค. จะได้คำตอบว่าด้านการเกษตร ปลูกอะไรได้ไม่ได้ ในส่วนของ มท. ซึ่ง มีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ดูแล จะมีงบประมาณเพื่อสร้างอาชีพให้เกิดขึ้นในพื้นที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในการทำเกษตร และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง โดยสถ. มีงบประมาณ 12,000 ล้าน อีก 5,000 ล้านบาทสุดท้ายจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยจะต้องทำให้สอดคล้องกับทางกระทรวงเกษตรฯ ตนเข้าใจว่าน่าจะเสร็จภายใน 3 สัปดาห์ แต่ถ้ามีแผนงานที่สอดคล้องอยู่แล้วน่าจะทำได้ทันที

ขณะที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ กล่าวว่า คสช.ได้ตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ ที่กำลังดำเนินการอยู่ ถ้าเป็นไปตามแผนของ คสช. เรายังทำไม่ทันเพราะอยู่ในงบประมาณของ ปี 58 แต่ถ้าทาง ทส. ทำตรงไหนเร่งด่วนได้ก็จะรีบทำทันที อย่างเช่น การเข้าไปช่วย มท. ซ่อมแซมบ่อบาดาล การขุดบ่อบาดาล โดยการเก็บข้อมูลจากพื้นที่เป้าหมายขณะนี้ อยู่ที่ร้อยละ 90

เมื่อถามว่า มีการประเมินว่าภัยแล้งปีนี้ยาวนานแค่ไหน และสถานการณ์น้ำจะเข้าสู่ภาวะปกติได้เมื่อไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งปีนี้คาดว่าจะรุนแรง และยาวนาน อาจจะถึงฤดูฝนหน้า เพราะการเก็บกักน้ำทำได้น้อยกว่าเกณฑ์ของปีที่ผ่านมา โดยจากการสรุปของกรมชลประทาน สามารถปล่อยน้ำเพื่อช่วยดันน้ำทะเลหนุน ทำให้สามารถรักษาระบบนิเวศน์ได้ ส่งผลให้เหลือน้ำทำการเกษตรเพียงเล็กน้อย และทำให้ประชาชนขาดแคลนน้ำ ทั้งในและนอกพื้นที่ลุ่มน้ำ ต้นสัปดาห์หน้าก็จะรู้ว่าที่ที่วิกฤติจริงๆ จะมีพื้นที่ไหนบ้าง เรื่องทั้งหมดจะนำเข้าในการประชุม ครม.ในอาทิตย์ถัดไป

เมื่อถามว่าจะมีการแก้ไขปัญหาในการแย่งน้ำอย่างไร นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า จากกระแสข่าวเกิดการแย่งน้ำกันในพื้นที่ราชบุรี ส่วนนี้ทางกรมชลประทานรับผิดชอบอยู่ ซึ่งก็ได้เพิ่มปริมาณน้ำเข้ามา เกษตรกรก็ได้รับรู้แล้ว และยังได้ทำหนังสือถึงผอ.สำนักชลประทานว่าต้องไม่ให้เกิดปัญหานี้ขึ้นมาอีก ส่วนลุ่มน้ำเจ้าพระยาเราจะสิ้นสุดการทำนาปีในสิ้นเดือน ต.ค.นี้ และ 1 พ.ย.เป็นต้นไป จะเป็นนาปรัง ซึ่งกรมชลประทานไม่มีน้ำจะให้

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า อยากให้สื่อมวลชนช่วยกันเสนอข่าวในเชิงสร้างสรรค์ ทำอย่างไร ให้เกษตรกรได้รู้และตระหนักว่าสถานการณ์ภัยแล้งค่อนข้างรุนแรง ต้องร่วมมือกัน แต่ถ้าเสนอในเรื่องขัดแย้ง ก็อยู่ในบริบทเสพข่าวอย่างเก่า ทะเลาะกัน ปัญหาก็จะวนเวียนอยู่ สังคมจะไม่เรียนรู้ว่าเขาได้แจ้งเตือนไปแล้ว

เมื่อถามว่า แผนการจัดการน้ำที่ตอนแรกเข้าใจว่าจะประกาศต่อสื่อ 15 พ.ย. จะเสร็จทันหรือไม่ พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้คงกำลังเร่งจัดการอยู่ โดยรัฐบาลกำลังจัดคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำใหม่ เพราะมีคณะรัฐมนตรี ตนคาดว่าน่าจะทำได้ทันตามแผนการ

พล.อ. อนุพงษ์ กล่าวเสริมว่า มีการดำเนินการอยู่ และทำอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าถามว่าจะทันไหม ก็จะเป็นการก้าวล่วงการทำงานของคณะกรรมการ อาจจะเกิดประเด็น จะบอกว่าไม่ทันก็จะเกิดปัญหาขึ้นอีก