ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์กรุงเก่าตรวจสอบซากเรือ

"ไชยนันท์" ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์กรุงเก่า รุดตรวจสอบซากเรือขนาดใหญ่ มั่นใจเป็นเรือสำเภาสมัย ร.5
รอผู้เชี่ยวชาญยันหลักฐานเกี่ยวโยงประวัติศาสตร์ ชี้ เป็นสมบัติของชาติ
นายไชยนันท์ บุษยรัตน์ ผ.อ.อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา พร้อมนักโบราณคดีสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา เดินทางไปยังบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา หน้ามัสยิดบ้านพลับ ม. 5 ต.บ้านพลับ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อตรวจสอบสภาพของซากเรือไม้ขนาดใหญ่ที่มีกลุ่มนักดำน้ำของเก่าลากจูงมาจากบริเวณลำน้ำเจ้าพระยา ใกล้กับวัดพนัญเชิงวรวิหาร ด้วยการใช้ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตรผูกเป็นทุ่นจำนวน 85 ใบลากมาจอดทิ้งเอาไว้เพื่อชำแหละชิ้นส่วนของเรือโบราณขาย
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบกลุ่มคนงานทำการงัดและแยกชิ้นส่วนเรือออกจากกันไปจำนวนมากแล้ว จนท.ศิลปากรได้สั่งยุติการรื้อชิ้นส่วนก่อน โดยนายไชยนันท์ เปิดเผยว่าเรือลำนี้มีความยาวประมาณ 36 เมตร เป็นการต่อแบบผสมผสานยุคเก่ากับใหม่ มีเค้าโครงเป็นเรือสำเภาสินค้า ซึ่งสังเกตจากหมุดที่ตอกกับส่วนต่างๆของเรือ น่าจะอยู่ในรัชกาลที่ 5 แต่ก็ต้องรอผู้เชี่ยวชาญของกรมศิลปากรเดินทางมาตรวจสอบเพื่อยืนยันอายุของเรืออีกครั้ง และจะต้องตรวจสอบว่าเรือลำนี้มีความเชื่อมโยงกับเรือสำเภาโบราณในเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ที่มาจมที่กรุงศรีอยุธยาหรือไม่ ขณะนี้ได้สั่งให้ยุติการรื้อหรือชำแหละแล้ว ซึ่งซากเรือโบราณที่จมอยู่หากมีผู้ค้นพบควรแจ้งกรมศิลปากรมาตรวจสอบ ไม่ควรมารื้อถอนหรือลากจูงมาเพื่อขายเป็นชิ้น เนื่องจากทั้งหมดเป็นสมบัติของชาติ ในส่วนของเรือลำนี้ ยังพบเหรียญอีแปะ ซึ่งเป็นเหรียญ รู ระบุปี 1869 ด้วย
ในส่วนของกลุ่มนักดำน้ำหาของเก่าที่ว่าจ้างนำเรือดังกล่าวมา ไม่ขอให้สัมภาษณ์หรือแสดงความเห็น โดยบอกเพียงว่าเรือดังกล่าวเป็นเรือโบราณที่ไม่มีเจ้าของและถูกทิ้งเอาไว้ ไม่คิดว่าหากนำขึ้นมาแล้วจะมีความผิด ซึ่งหมดเงินในการกู้เรือไปกว่าแสนบาทแล้ว







