ความสุขบนบิ๊กไบค์

ความสุขบนบิ๊กไบค์

"อดิลฟิตรี ประพฤติสุจริต" นักธุรกิจด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง กับชีวิตอิสระบนท้องถนนด้วยมอเตอร์ไซค์คันใหญ่

เรื่อง สุดารัตน์ ศรีปานะ
ภาพ ธนกร ผลัญชัย


ระยะเวลากว่า 15 ปีในโลกดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง "อดิลฟิตรี ประพฤติสุจริต" หรืออาจารย์โอม เป็นทั้งนักธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์พิเศษ วิทยากร คอลัมนิสต์และพิธีกร สามารถกล่าวได้ว่า ไม่ต่ำกว่า 80% ของเวทีสัมมนา กิจกรรมการบรรยายตลอดจนคอร์สเสริมสร้างความรู้เรื่องโลกออนไลน์ จะต้องมีชื่ออาจารย์โอมร่วมด้วย เช่นเดียวกับบทบาทอาจารย์พิเศษในสถานศึกษาต่างๆ ที่เปิดหลักสูตรการเรียนการสอนในเรื่องนี้ ยังไม่นับรวมงานเขียนอีกจำนวนมาก

แม้จะมีพื้นฐานมาจากสายนิเทศศาสตร์ แต่เขาก็เป็นแฟนพันธุ์แท้คอมพิวเตอร์ แมค และชอบติดตามข่าวสารวงการไอทีเป็นประจำ ซึ่งในเวลาต่อมาความชื่นชอบนี้ได้ผลักดันให้เป็นกูรูรุ่นใหม่ด้านการตลาดบนสื่อนิวมีเดีย ชีวิตของเหล่ากูรู ผู้ที่ต้องมองเทรนด์ของโลกล่วงหน้า แน่นอนว่าชีวิตจะต้องติดหนึบอยู่กับข้อมูลข่าวสารอย่างไม่ว่างเว้น แต่ไลฟ์สไตล์ของอาจารย์โอมห่างไกลจากภาพชายสวมแว่นที่คร่ำเคร่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่มาในภาพของสิงห์มอเตอร์ไซค์

๐ความชอบในบิ๊กไบค์มาจากไหน?
มันเป็นปมด้อยในวัยเด็ก ผมชอบขี่มอเตอร์ไซค์ ในสมัยนั้นอยากได้เหลือเกินกับฮอนด้าโนว่า แต่แม่กลับซื้อซูซูกิคริสตัล เลยเกิดอาการโกรธ เก็บกดและคิดว่า หากโตขึ้นแล้วมีเงินจะต้องมีบิ๊กไบค์เป็นของตนเองให้ได้ ก็ตั้งใจพยายามทำงานเก็บเงินมานาน 25 ปี กระทั่งสามารถทำได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้แล้ว
ผมเลือกใช้มอเตอร์ไซค์ ดูคาติ-Ducati ชอบในความเป็นแบรนด์ที่เป็นมากกว่ามอเตอร์ไซค์ มันเป็นงานศิลปะ แม้ว่าแบรนด์อื่นก็ดีเหมือนๆ กันนะครับ แต่ด้วยความที่ก่อนการตัดสินใจซื้อ ได้ศึกษาประวัติศาสตร์แบรนด์มาเยอะ เปิดอ่านหนังสือเป็นเล่มๆ รวมถึงดูที่มาที่ไปและดูปรัชญาการทำมอเตอร์ไซค์ของซีอีโอแต่ละท่าน ศึกษาแม้แต่โค้ดของสี การดีไซน์สวยทรงเสน่ห์ ศึกษามาเรื่อยๆ จนทำให้เรารู้สึกได้ว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาด้วยความตั้งใจและพิถีพิถันมากทุกลำดับขั้นตอน
การขับขี่ในความรู้สึกของผม เป็นความรู้สึกมากกว่าการนำกุญแจเสียบแล้วสตาร์ทออกไปเพื่อถึงเป้าหมายแล้วจบ แต่ความรู้สึกคือ เมื่อใดที่ได้สัมผัสกับรถ ได้ขี่ จะไม่รู้สึกว่าอยากหยุด อยากขี่ต่อๆ ไป มันเป็นความรู้สึกที่ไม่น่าเชื่อ

๐จัดสรรเวลาอย่างไรให้กับการเดินทาง?
ผมทำงานหนักมาตลอด 15 ปี ตอนนี้ก็อายุ 38 แล้วจึงเริ่มวางแผนการทำงานเพื่อให้มีเวลาว่างมากขึ้น ตอนนี้สัปดาห์หนึ่งผมก็เข้าออฟฟิศ 2 ครั้ง เริ่มเป็นไปตามแผนการที่จะวางมือ ซึ่งเริ่มมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ทำให้ค่อนข้างมีเวลาว่างพอสมควรที่จะออกทริปขี่บิ๊กไบค์ได้นานหลายวันขึ้นอีกด้วย ยกตัวอย่างล่าสุดก็ไปกินเวลานานทีเดียวกับทริป 3 ประเทศ ไทย ลาว จีน ระยะทางกว่า 3,000 กิโลเมตร (ติดตามการเดินทางได้ทาง facebook/Biz Rider)
มีหลายคนสงสัยและตั้งคำถามมากว่า ขี่มอเตอร์ไซค์ทำไมทั้งๆ ที่มีรถยนต์ให้ขับอยู่แล้ว ส่วนตัวรู้สึกว่ารถยนต์คือพาหนะ ขณะที่มอเตอร์ไซค์ทำให้เราเป็นนักเดินทาง ในสมัยเด็กเป็นคนไม่ชอบเที่ยว ไปไหนทีต้องมีคนหอบหิ้วออกไป ตอนนั้นไม่เข้าใจ แต่มาวันนี้วันที่ขี่มอเตอร์ไซค์ถึงเข้าใจว่า ความสุขของการไปเที่ยว ไม่ได้อยู่ที่การไปถึงเป้าหมาย แต่ความสุขและความสนุกจริงๆ อยู่สิ่งที่ได้พบเจอระหว่างทาง ซึ่งเราไม่รู้ล่วงหน้า คาดเดาไม่ได้ว่าจะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น ในระหว่างทางยังได้พิสูจน์มิตรภาพระหว่างเพื่อนด้วย
บิ๊กไบค์นี่ขี่คนเดียวไม่ได้นะ ต้องไปเป็นกลุ่ม มันทำให้เราได้พบอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา สนุกที่ได้ทำการบ้าน ได้วางแผนเยอะมากในการเดินทางแต่ละครั้ง เหมือนการผจญภัยก็ว่าได้

๐ ด้านเสียของการขี่มอเตอร์ไซค์มีหรือไม่?

เริ่มจากต้องทำความเข้าใจกับผู้บัญชาการที่บ้านก่อน เพราะหลายท่านมักพบเจอกับปัญหาเหล่านี้จนชาชินว่า มันอันตรายนะ มันเป็นเนื้อหุ้มเหล็ก แถมราคาสูงมาก ซื้อรถยนต์ได้เลยทีเดียว บางบ้านสามารถแก้ไขปัญหาได้โดยอาจให้มาลองขี่ด้วยกัน บางบ้านอาจแก้ไขไม่ได้ก็ต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน แต่ถึงขั้นโกหกและไปจอดบ้านเพื่อนนี่ อันนี้ไม่โอเค เพราะมอเตอร์ไซค์เองก็ต้องการการดูแลเช่นกัน ต้องหมั่นดูหมั่นขี่อย่างสม่ำเสมอ ฉะนั้น ดีที่สุดคือลองทำกิจกรรมร่วมกันดู
ในแง่อันตราย การขี่บิ๊กไบค์ไม่ได้มีเพียงด้านที่สวยงาม แต่มีด้านที่ถึงชีวิตเช่นกัน อย่างที่พูดคือมันเป็นเนื้อหุ้มเหล็ก ความปลอดภัยย่อมน้อยกว่าแน่ๆ มันเสี่ยงมากกว่าการขับรถยนต์มาก ฉะนั้น การจะขี่มอเตอร์ไซค์ต้องคิดให้รอบคอบก่อนว่าคุณพร้อมหรือไม่ ดูแลตนเองไหวไหม งานการจะเสียหรือไม่ หากความคิดตกผลึกแล้วว่าใช่ ก็ซื้อ
แต่การขี่บิ๊กไบค์สำคัญที่สุดคือคุณต้องเรียนรู้ ต้องไปเรียนให้ถูกหลักและถูกต้อง ขอย้ำว่าต้องเรียนนะ มันไม่เหมือนการขี่มอเตอร์ไซด์ธรรมดาเลย อย่างที่บอกไปก่อนหน้าคือ ส่วนตัวเองแล้วก็เรียนไป 20-30 คอร์สเลยทีเดียว พอดีมีปมนิดหน่อยคือขี่ตามคนอื่นไม่ทัน หลังจากเรียนจึงมั่นใจแล้วออกทริป มันก็ทำให้เราเซฟต์ได้ดีมากเวลาขี่ ไม่ใช่ว่าไม่มีอุบัติเหตุเลยนะ มีแต่น้อยลงมาก เพราะเราจะรู้วิธีการแก้ไขปัญหาตรงนั้น รวมถึงการตัดสินใจเมื่อเผชิญเหตุการณ์คับขัน การเรียนจึงทำให้เราปลอดภัยหรือเจ็บตัวน้อยลง เพราะหากเราตัดสินใจแก้ไขปัญหาผิด นั่นอาจหมายถึงชีวิตของเราเลยก็ว่าได้
เคยมีเคสที่เห็นเพื่อนเสียชีวิตคาตามาแล้ว นั่นคือเคสเลวร้ายที่คุณควรรู้ เรียกได้ว่าโลกไม่สวยงามนะ อยากให้มอง 2 ด้านเสมอ ทุกสิ่งต้องเรียนรู้และฝึกฝนในการแก้ไขปัญหา

๐ ข้อควรรู้ที่อยากฝากถึงมีอะไรบ้าง?
หนึ่ง ต้องตอบตนเองให้ได้ว่าชอบจริงหรือเปล่า หรือชอบแบบฉาบฉวย ซื้อมาเพื่อสนองความต้องการหลังจากนั้นก็ขายทิ้ง เพราะรถคันหนึ่งราคาแพงมาก ต้องลงทุนกับมันเยอะ ฉะนั้น คิดให้ดีๆ อย่าลืมด้วยว่าบิ๊กไบค์อันตรายมากอีกด้วย
สอง เลือกกลุ่มในการขี่และต้องประเมินตนเอง หากขี่ตามไม่ทันก็ควรหยุด อย่าฝืน อันตรายเกิดมามากต่อมากแล้วกับผู้ขับขี่ที่ฝืน ควรจะหยุดและพักแล้วกลับมาเข้าคอร์สเรียนให้เก่งขึ้น ฝึกฝนๆ ก็จะสามารถออกทริปกับเพื่อนๆ ได้สนุกและปลอดภัย
สาม เรียนรู้ทุกสิ่งทั้งด้านการเซฟตี้ การขี่ การวางท่าและอื่นๆ เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยของตัวคุณเอง นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด
นี่คือความสุขอีกรูปแบบหนึ่งของ "อาจารย์โอม อดิลฟิตรี" จากการใช้ชีวิตอิสระผ่านเจ้าสองล้อไซส์ใหญ่ ยานพาหนะที่พาเขาเดินทางท่องเที่ยว พบเจอกับความสนุก มีเรื่องที่น่าตื่นเต้นและท้าทาย นอกเหนือจากความสุขที่ได้ท่องโลกไซเบอร์ในชีวิตการทำงาน