ลูกศิษย์เต็มวัดรอหลวงพ่อพิมนอนโลงละสังขาร

ลูกศิษย์เต็มวัดรอหลวงพ่อพิมนอนโลงละสังขารสามทุ่มคืนนี้ ระบุสั่งเตรียมลานเผาศพพร้อมนำร่างออกจากโลง11ก.ย.นี้
วันที่ 9 ก.ย. 57 ลูกศิษย์เคลื่อนโลงให้หลวงพ่อพิม ระบุจะมรณภาพในเวลาสามทุ่มคืนนี้ โดยศิษย์เผยครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เตรียมละสังขาร เคยเตรียมการมาแล้วตั้งแต่ปี 2550 แต่ครั้งนี้สั่งเตรียมลานเผาศพ พร้อมระบุให้ลูกศิษย์นำร่างออกจากโลงศพในช่วงบ่ายของวันที่ 11 ก.ย. และให้นำร่างไปฌาปนกิจเวลา 21.00 น.ในวันเดียวกัน
จากกรณีพระอาจารย์ที่พุทธศาสนิกชนในภาคอีสานให้ความเคารพนับถือ หลวงปู่พิม หรือหลวงปู่เวฬุวัน จันทรังษี เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน ระบุวันมรณภาพไว้ที่เวลา 21.00 น.วันที่ 9 กันยายนนี้ และได้มีการนำโลงศพมาไว้ที่วัดแล้วระยะหนึ่งนั้น
บรรยากาศในวัดตลอดทังวันในวันที่ 9 ก.ย. 57 พุทธศาสนิกชนจากทั่วประเทศต่างเดินทางมาร่วมทำบุญและปฏิบัติธรรม ที่วัดเวฬุวัน บ้านท่าเริงรมย์ ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ หลังจากมีการบอกเล่ากันปากต่อปากว่าหลวงปู่เวฬุวัน หรือ หลวงพ่อพิม เจ้าอาวาสวัดเตรียมละสังขารในวันที่ 9 กันยายน 2557 เวลา 21.00 น. จึงทำให้ลูกศิษย์จากทุกสารทิศที่รู้ข่าวต่างเดินทางมานมัสการ และได้ร่วมสมทบเงินบริจาคทำบุญเพื่อสร้างสะพานข้ามลำห้วยลำน้ำเซิญ
ช่วงเช้าหลวงพ่อพิมยังคงออกมาพบปะญาติโยมตามปกติ แต่ได้งดฉันน้ำและอาหารตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เพื่อเตรียมตัวละสังขารโดยในช่วงเช้ายังคงมีศิษยานุศิษย์มาร่วมกันบริจาคเงินเพื่อสมทบร่วมก่อสร้างสะพานข้ามคลอง เพื่อให้พระ สามเณรและชาวบ้านในชุมชนได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งถือว่าเป็นคุณประโยชน์สุดท้ายที่หลวงปู่ได้ทำให้แก่ส่วนรวมก่อนจะละสังขาร ทั้งนี้หลวงพ่อพิมพ์ได้สั่งเสียลูกศิษย์ก่อนว่า หากละสังขารแล้ว ไม่ต้องจัดพิธีศพให้ทำพิธีแบบเรียบง่าย
จากการสอบถามพระมหาบัว ปิยวณฺโณผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของหลวงปู่พิม กล่าวว่า สำหรับในวันนี้ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ยังคงปฏิบัติภารกิจเช่นเดิม ที่ผ่านมาหลวงพ่อพิม เคยเตรียมการละสังขารมาแล้วเมื่อปี 2550 ในลักษณะเดียวกันโดยมีการจัดแบบในครั้งนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ในครั้งนั้นไม่มรณภาพ จนกระทั่งครั้งนี้มีสิ่งที่เตรียมเพิ่มขึ้นมา คือการเตรียมพื้นที่เผาศพไว้ด้วย นอกจากนี้หลังจากหลวงปู่พิมมรณภาพแล้วก็ไม่มีงานศพหรือการจัดงานอื่นแต่อย่างใด เพราะเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย
เจ้าอาวาสวัดป่าเวฬุวัน หรือหลวงปู่พิม เล่าว่า เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2492 เดิมเป็นชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ จากนั้นย้ายภูมิลำเนามาอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด เมื่อเป็นหนุ่มเดินทางไปขายแรงงาน ขับรถเทลเลอร์ที่ประเทศซาอุดิอารเบีย ระหว่างทำงานอยู่นานกว่า 13 ปี มีความสนใจ เลื่อมใสพระพุทธศาสนา และศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อปี 2536 จึงเข้าสู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ที่วัดอนงค์คาราม อารามหลวง ธนบุรี กรุงเทพมหานคร
ศึกษาพระธรรมอยู่ประมาณ 1 ปี จนปี 2537 ตัดสินใจออกเดินธุดงค์ไปทั่วประเทศ จนกระทั่งปี 2541 มาพบเห็นสถานที่บ้านท่าเริงรมย์ ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ แห่งนี้ซึ่งเชื่อว่าเป็นพุทธภูมิเดิม จึงตัดสินใจสร้างวัดป่าเวฬุวันขึ้นจนถึงปัจจุบัน
“อาตมาเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นองค์สุดท้าย ยึดปฏิบัติตามแนวคำสอนของหลวงปู่อย่างเคร่งครัด เมื่อปี 2538 เห็นและรู้วันเวลามรณภาพของตัวเอง บอกลูกศิษย์คนใกล้ชิดไว้ โดยไม่ได้ป่าวประกาศให้คนทั่วไปรับรู้ เมื่อถึงเวลาก็จะละสังขารตามกำหนด คือวันที่ 9 ก.ย. 57 นี้ เมื่อพระอาทิตย์ตกดินอาตมาห้ามทุกคนเข้ามาในบริเวณกุฎิ เพื่อจะทำสมาธิและนอนในโลงที่เตรียมไว้ และจะแยกร่างปลงสังขารในเวลา 21.00 น. ระหว่างนี้ได้สั่งห้ามทุกคนเข้ามาจนกว่าจะครบ 3 วัน คือวันที่ 11 ก.ย. 57 เวลาประมาณ 13.00 น. จึงให้ลูกศิษย์เข้ามานำร่างไปไว้ยังสถานที่ประกอบพิธีที่อยู่ใกล้กัน เพื่อนำร่างไปเผาในเวลา 21.00 น.” หลวงพ่อพิมกล่าว
ขณะเดียวกันได้กำชับให้ทุกคนไม่ต้องจัดพิธีศพ ไม่สวดศพ ไม่สั่งเสียก่อนละสังขาร ไม่ต้องร้องไห้เสียใจ เมื่อมรณภาพแล้วให้เผาอย่างเรียบง่ายเท่านั้น
“อาตมารู้วันเวลามานานแล้ว ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเสียใจ การตายเป็นเรื่องธรรมดา เป็นปกติของมนุษย์ สิ่งที่สั่งเสียไว้คือให้ลูกศิษย์ลูกหาได้ยึดถือรักษาศีลตามที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้สอนไว้เท่านั้น ส่วนในวัดพระมหาบัว ปิยวัณโณ จะเป็นเจ้าอาวาสต่อจากอาตมา จะดูแลและสั่งสอนลูกศิษย์ต่อไป ข้อที่สั่งเสียไว้ก่อนตายคืออย่าสร้างวัตถุ เช่นโบสถ์ กำแพงวัด ประตูวัด เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในคำสอนของพระพุทธเจ้า ถือเป็นวัตถุนอกกายที่ไม่มีความจำเป็นกับการรักษาศีล ปฏิบัติธรรม” หลวงพ่อพิมกล่าว
ด้านนายกิตติ์ธเนศ วัชรพรธนะพงศ์ อายุ 40 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร บอกว่า เป็นลูกศิษย์ลูกหามานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยยึดคำสอนของพุทธศาสนาตามที่หลวงพ่อพิมได้สอนไว้ ส่วนเรื่องที่หลวงปู่รู้วัน เวลามรณภาพนั้น ได้ยินมาประมาณ 4-5 ปีแล้ว เชื่อว่าหลวงปู่จะมรณภาพตามที่เห็นจริง
นอกจากนี้กำชับให้ทุกคนเตรียมตัว ไม่ให้ร้องไห้เสียใจกับการจากไป จึงไม่รู้สึกกังวล โดยจะยังคงยึดคำสั่งสอนของหลวงพ่อพิมเป็นแนวทางในการปฏิบัติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหลวงพ่อธนวัฒน์ (พิม) สิริพิมโพ หรือหลวงพ่อพิม เจ้าอาวาสวัดป่าเวฬุวัน อายุ 65 ปี มีโรคประจำตัว เช่น กรดไหลย้อน แผลในกระเพาะอาหาร และโรคเก๊าท์ ที่ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น อย่างต่อเนื่อง ตลอดทั้งวันนี้และวันพรุ่งนี้หลวงพ่อพิมเตรียมตัวละสังขารด้วยการงดฉันน้ำและอาหาร ยังคงปฏิบัติธรรมตามปกติ และมีประชาชนที่ทราบข่าวเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง







