น้ำป่าทะลัก3อำเภอลำปาง-พะเยาดับ1

น้ำป่าทะลักท่วม 3 อำเภอลำปาง"เมือง-วังเหนือ-งาว" ถนนบางสายถูกตัดขาดเข้าออกหมู่บ้านไม่ได้ และที่พะเยาดับ1
ส่วนอุตรดิตถ์ น้ำท่วมอำเภอฟากท่า หนักสุดในรอบ 50 ปี ขณะที่ศภช.เตือนเหนือ-อีสานดินถล่ม กรมชลประทานยันเขื่อนยังสามารถเก็บน้ำได้
หลายจังหวัดยังประสบกับปัญหาน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วม หลังเกิดฝนตกหนัก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.ลำปาง พื้นที่ อ.วังเหนือ ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในหลายตำบล โดยเฉพาะ ต.วังทอง น้ำป่าไหลท่วมบ้านเรือนหมู่ 1 หมู่ 3 หมู่ 6 และหมู่ 7 ระดับน้ำสูงเกือบ 50 เซนติเมตร(ซม.) และเช้าวันที่ 2 ก.ย. กำลังทหารลำปาง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน ขณะเดียวกันทาง อ.วังเหนือ พร้อมองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) ในพื้นที่ได้เข้าตรวจสอบเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนต่อไป
นอกจากนี้ ในพื้นที่ อ.เมืองลำปาง น้ำแม่ตุ๋ยได้เอ่อล้นไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรหลายหมู่บ้าน ในต.บ้านเป้า เช่น บ้านสบก๋ง บ้านแม่ก๋ง ประชาชนหลหายหลังคาเรือนติดอยู่ในบ้านไม่สามารถออกมาได้
นางธวัลรัตน์ ไชยอินปัน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำปาง กล่าวว่า ได้เกิดน้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนหลายพื้นที่ เช่น ที่บ้านแม่ก๋ง หมู่ 3 และบ้านสบก๋ง หมู่ 12 ต.บ้านเป้า อ.เมือง และ ต.วังทอง อ.วังเหนือ ต.บ้านอ้อน ต.ลวงเหนือ ต.บ้านร้อง และต.แม่ตีบ อ.งาว น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร
นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าฯ ลำปาง เปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงกลางดึก จนถึงช่วงเที่ยงของเมื่อวานนี้ ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันหลายพื้นที่ ได้แก่ 6 หมู่บ้านใน ต.บ้านเอื้อม, ต.บ้านเป้าและ ต.บ้านเสด็จ อ.เมือง 3 หมู่บ้านใน ต.บ้านอ้อน และ ต.บ้านร้อง อ.งาว และในอีก 4 หมู่บ้านใน ต.วังทอง อ.วังเหนือ บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 230 หลังคาเรือน
พื้นที่ที่ประสบภัยมากที่สุด คือต.บ้านเป้า อ.เมือง 150 หลังคาเรือน ทั้งนี้ บ่อปลาชาวบ้านที่เลี้ยงไว้ถูกพัดไปกว่า 40,000 ตัว นอกจากนี้มีรายงานว่า ถนนเขตติดต่อบ้านทุ่งฮี-บ้านวังโป่ง ถนนขาด ไม่สามารถผ่านเส้นทางได้ เนื่องจากถนนมีน้ำที่เชี่ยวกราก
ชาวพะเยาสังเวยน้ำท่วมแล้ว1ศพ
ส่วนที่ จ.พะเยา เกิดน้ำท่วมในเขต อ.เมือง และ อ.ดอกคำใต้ นานติดต่อกัน เป็นผลให้พื้นที่ทั้งสอง มีปริมาณน้ำท่วมขังสูงขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่บ้านถ้ำ บ้านปิน หนองหล่ม ศรีชุม อ.ดอกคำใต้ น้ำท่วมสูงประมาณ 30 ซม. บางจุดเกือบ 1 เมตร และยังมีท่าทีว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหน่วยงานทหารและท้องถิ่นได้ส่งกำลังคนเพื่อให้การช่วยเหลือแล้ว
ขณะที่ อ.เมืองพะเยา บ้านแม่ต๋ำ มีน้ำท่วม 50 ซม.บางจุดลึกมากกว่า 1 เมตร โดยเฉพาะบ้านเรือนที่อยู่ติดตามลำน้ำแม่ต๋ำ ส่วนบ้านแม่ใสถูกน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะหมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 9 บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายศักดิ์ ทานัง อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 8 ต.แม่ใส อ.เมือง ถูกแรงพัดของน้ำพัดเข้าท่อระบายน้ำขณะนำโพงพางไปดักปลาในหมู่บ้าน
ชัยภูมิฝายลำเชียงทาแตก
เหตุฝนตกหนักต่อเนื่องบนเทือกเขาพังเหย ยังทำให้เกิดน้ำป่าทะลักหลากเข้าท่วมพืชไร่นามันสำปะหลังของชาวบ้าน ต.โคกสะอาด อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ พื้นที่ทางการเกษตรทั้งไร่นา มันสำปะหลังเสียหายไม่น้อยกว่า 2,000 ไร่ ระดับน้ำท่วมขังสูงกว่า 1-2 เมตร สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ ต.หนองบัวระเหว อ.หนองบัวระเหว
ล่าสุด แหล่งเก็บกักน้ำสำคัญของอำเภอ ถูกกระแสน้ำป่าซัดฝายขนาดใหญ่ของชลประทาน มีความจุมากกว่า 100 ล้าน ลบ.ม.แตกเสียหายเป็นวงกว้างระยะทางยาวกว่า 50 เมตร ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโครงการประตูระบายน้ำพระอาจารย์จื่อ(ลำเชียงทา) จ.ชัยภูมิ ตามแผนก่อสร้างโครงการมาตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.56 จะครบกำหนดแล้วเสร็จในไม่เกินวันที่ 8 พ.ค.59 ใช้งบประมาณมากกว่า 234 ล้านบาท
ฝายแห่งนี้อยู่บริเวณรอยต่อ 2 ตำบล ที่บ้านหนองบัวระเหว หมู่ 6 ต.หนองบัวระเหว ซึ่งจะเป็นฝายกั้นระหว่างลำน้ำ 2 สายทั้งจากลำน้ำชีและลำห้วยเชียงทา ไหลมาบรรจบกันในจุดนี้ ระดับน้ำป่าที่ทะลักลงมายังสร้างความเสียหายให้กับตัวสันฝายแตกขาดเสียหายต่อเนื่องไม่หยุด และทางชลประทานยังไม่สามารถนำเครื่องจักรเข้าไปซ่อมแซมได้
อุตรดิตถ์ยังคงเดือดร้อน
สำหรับพื้นที่น้ำท่วมส่วนอื่นนั้น ที่ จ.อุตรดิตถ์ ที่ อ.ฟากท่า น้ำป่าจากเขาห้วยไพร ไหลพาซากปรักหักพัง ท่อนไม้และดินโคลน ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านหมู่ 3 บ้านกกต้อง หมู่ 7 บ้านฟากนา ต.ฟากท่า อ.ฟากท่า จ.อุตรดิตถ์ กว่า 100 หลังคา ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเก็บสิ่งของ ทรัพย์สินไม่ทัน เสียหาย 100%
นอกจากนี้ยังทะลักเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร ทั้งนาข้าว ไร่ข้าวโพดกว่า 1,000 ไร่ นอกจากนี้ กระแสน้ำแรงและไหลเชี่ยว ส่งผลให้กำแพงบ้านพัง ไหลไปทับบ้านเรือนชาวบ้าน โดยเฉพาะดินโคลนที่ไหลมาจากภูเขาสูงเกือบ 1 เมตร นับเป็นสถานการณ์อุทกภัยที่รุนแรงรอบ 50 ปี
พิษณุโลกพื้นที่เกษตรเสียหาย6.2พันไร่
ที่พิษณุโลก นายบุญยิ่ง คุ้มสุพรรณ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พิษณุโลก รายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.วัดโบสถ์ว่า น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร ต.ท่างาม และต.บ้านยาง รวม 21 หมู่บ้าน ความเสียหายเบื้องต้น นาข้าว 4,770 ไร่ ข้าวโพด. 720 ไร่ มันสำปะหลัง 600 ไร่ อ้อย ประมาณ 150 ไร่ รวมความเสียหาย 6,240 ไร่
ขณะที่ อ.ชาติตระการ มีฝนตกมาก ทำให้น้ำจากที่สูงลงที่ต่ำท่วมพื้นที่เกษตรกรรม ต.ป่าแดง หมู่ 11 นอกจากนี้ที่ อ.พรหมพิราม บริเวณหลังวัดเมมสุวรรณ หมู่11 ต.ท่าช้าง อ.พรหมพิราม น้ำได้ล้นตลิ่ง แต่ไม่มีผลกระทบเนื่องจากเป็นพื้นที่ไม่ได้ทำการเกษตรแล้ว
หนองคายเดือนร้อน80ครัวเรือน
ส่วนที่ จ.หนองคาย ฝนตกกระจายในทุกอำเภอ โดยเฉพาะที่บ้านหัวทรายเหนือ หมู่ 11 และ 12 ต.พานพร้าว อ.ศรีเชียงใหม่ ทำให้เกิดมีน้ำท่วมขังสูง 20-40 ซม. ทำให้ชาวบ้านต้องเก็บข้าวของมีค่าขึ้นไว้ในที่สูง ได้รับความเดือดร้อนกว่า 80 หลังคาเรือน
นายวีระพงษ์ ศรีสุมา ชาวบ้านหัวทราย หมู่ 12 ต.พานพร้าว อ.ศรีเชียงใหม่ กล่าวว่า น้ำท่วมถนนในหมู่บ้านและโรงเรียนบ้านหัวทราย ซึ่งมีระดับน้ำอยู่ที่ประมาณ 20-40 เซนติเมตร ล่าสุดระดับน้ำเริ่มลดลงเรื่อยๆ แล้ว หากฝนไม่ตกลงมาอีก คาดว่าจะเข้าสภาวะปกติภายใน 12 ชั่วโมง
ศภช.เตือนเหนือ-อีสานดินโคลนถล่ม
ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ(ศภช.) แจ้งว่า ในวันที่ 2-3 ก.ย.นี้ อาจเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม บริเวณภาคเหนือ จ.เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ชัยภูมิ ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี และภาคตะวันออก จ.จันทบุรี ตราด ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวระมัดระวัง หากมีข้อมูลเพิ่มเติม ศภช.จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะต่อไป
กรมชลฯแจงสถานการณ์น้ำในเขื่อน
ขณะที่ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ ล่าสุด (2 ก.ย.2557) มีปริมาณน้ำรวมกัน 37,607 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 53% ของความจุอ่างฯ ขนาดใหญ่รวมกันทั้งหมด ยังสามารถรองรับน้ำในฤดูฝนนี้ ได้มากกว่า 32,700 ล้านลบ.ม.
สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่เขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำ 4,557 ล้านลบ.ม. หรือคิด 34 % เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 4,408 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็น 46% เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีน้ำ 393 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 42% ของความจุอ่างฯ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 296 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็น 31% ยังสามารถรับน้ำรวมกันได้อีกกว่า 15,000 ล้านลบ.ม.
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าปริมาณน้ำในเขื่อนใหญ่ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำไม่ถึงครึ่งอ่างฯ และในขณะนี้มีฝนตกชุกกระจายเพิ่มขึ้นในพื้นที่ตอนบน กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้เน้นเก็บกักน้ำไว้ในอ่างฯให้มากที่สุด พร้อมกับได้กำชับให้ทุกโครงการชลประทาน บริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสภาวะฝนที่ตกลงมา โดยไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ทางด้านท้ายเขื่อน







