เจาะ!30วิธีนอกรีต'สืบ-จับ'คดียาเสพติด

เจาะ!30วิธีนอกรีต'สืบ-จับ'คดียาเสพติด

(รายงาน) 30วิธีนอกรีต"สืบ-จับ"คดียาเสพติด ได้เวลาตำรวจรื้อ "ระบบการทำงาน"

กรณีตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน ยิงล้อรถยนต์ของนิสิตสาวเพื่อสกัดไม่ให้หลบหนี จนก่อความเสียหายทั้งรถของนิสิตสาวและรถของประชาชนรายอื่น กระทั่งต่อมาฝ่ายตำรวจออกมายอมรับว่าเป็นความผิดพลาด เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้ต้องสงสัยคดียาเสพติดนั้น

เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความบกพร่องในการทำงานด้านการสืบสวนอีกครั้งของตำรวจ โดยมีชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นเดิมพัน

เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เกิดมาแล้วหลายครั้ง เฉพาะปี 2556 ที่ผ่านมามีเหตุตำรวจเข้าจับกุมยาเสพติดแล้วเกิดการยิงปะทะกับคนร้ายแต่ลูกหลงไปถูกนักศึกษาที่นั่งมาด้วยในรถเสียชีวิตที่ จ.ชลบุรี และกรณียิงกับแก๊งค้ายาย่านนางเลิ้ง กระสุนลูกหลงไปถูกประชาชนได้รับบาดเจ็บ

กระนั้นก็ตาม การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในคดียาเสพติด ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องความผิดพลาดจากการเข้าตรวจค้นยานพาหนะเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องร้องเรียนตำรวจที่มีพฤติกรรมส่อไปในทางไม่โปร่งใส ไม่ชอบด้วยกฎหมายอีกหลายลักษณะ

ในแฟนเพจของ "ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม" ได้โพสต์ข้อความตีแผ่ข้อมูลเรื่องร้องเรียนจากผู้ต้องหาคดียาเสพติดจำนวนหลายรายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเป็นการร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของตำรวจบางนายเกี่ยวกับการจับกุมและสืบสวนคดียาเสพติด ทั้งพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎหมาย ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เรียกรับผลประโยชน์ มีส่วนร่วมในการค้ายาเสพติดเสียเอง รวมทั้งสนับสนุนการค้ายาเสพติดด้วย

เรื่องร้องเรียนดังกล่าวสามารถแยกเป็นประเภทได้ดังนี้

1.ยัดยาเสพติดเพื่อสร้างผลงานให้กับตนเอง 2.จับแล้วลดจำนวนยาเสพติด โดยเรียกเงินจากผู้ต้องหา หรือนำยาเสพติดไปขายต่อ 3.รับวิ่งเต้นจากผู้ต้องหาว่าสามารถวิ่งเต้นกองพิสูจน์หลักฐานได้ในการลดจำนวนยาเสพติด 4.ลดของกลางจำนวนเม็ดของยาเสพติด (โดยเฉพาะยาบ้า) โดยเรียกเงินเม็ดละ 5,000 บาท 5.จับผู้ต้องหาได้พร้อมยาเสพติด แต่นำเงินที่พบในตัวผู้ต้องหาเข้ากระเป๋าตัวเอง ไม่นำเข้าบัญชีของกลาง

6.จับผู้ต้องหาได้ แล้วพาไปกดเงินตามตู้เอทีเอ็ม หากเงินหมดก็บังคับให้ผู้ต้องหาโทรศัพท์แจ้งญาติพี่น้องให้นำเงินมาให้ แล้วปล่อยตัว 7.จับตัวผู้ต้องหาแล้วพาทัวร์ เพื่อให้หาเงินมาให้ เช่น นำไปเก็บตัวไว้ในเซฟเฮาส์พร้อมข่มขู่ 8.จับยาเสพติดได้ในรถยนต์ของผู้ต้องหา แต่ไม่ยึดรถของกลาง รับเงินจากผู้ต้องหา แล้วปล่อยรถไปหรือปล่อยตัวผู้ต้องหาบางคนไป เช่น กรณีจับสามีภรรยา อาจคุมตัวเฉพาะสามี แล้วปล่อยภรรยาไปหาเงิน เป็นต้น

9.จับยาบ้าพร้อมเงินของกลางจำนวนมาก แต่ปล่อยผู้ต้องหาหลบหนี แล้วนำเงินเข้ากระเป๋า 10.ปลอมปนยาบ้า เอาของปลอมผสมกับของจริง เอาของจริงไปขายต่อ 11.จับผู้ต้องหามาแล้วปล่อยตัวให้ไปค้ายาเสพติดต่อ จากนั้นส่งส่วยเจ้าหน้าที่เป็นรายเดือน 12.จับผู้ต้องหาเฉพาะรายที่ไม่ส่งส่วย ให้ขายยาเสพติดได้เฉพาะที่ส่งส่วย 13.จับตัวผู้ต้องหาได้ ผู้ต้องหาซัดทอดถึงผู้ต้องหาคนอื่น ก็ร่วมมือกับพนักงานสอบสวนเพื่อออกหมายเรียก หลังจากนั้นนัดกันนอกโรงพัก เรียกเงินเพื่อสั่งไม่ฟ้อง

14.รับจ้างวิ่งเต้นล้มคดีกับพนักงานสอบสวนด้วยกัน และวิ่งเต้นในชั้นอัยการ 15.รับเงินจากผู้ต้องหาเพื่อไม่คัดค้านการประกันตัว ทั้งในชั้นพนักงานสอบสวนและในชั้นศาล โดยอ้างว่าจะนำเงินไปวิ่งเต้นอัยการเพื่อไม่ให้คัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว 16.รับเงินเพื่อทำบันทึกการจับกุมใหม่ ทำสำนวนให้อ่อน กลับคำให้การ 17.ถ่ายสำนวนให้กับผู้ต้องหาเพื่อให้รู้แนวทางการดำเนินคดี โดยมอบให้กับทนายความของผู้ต้องหา หรือแนะนำแนวทางในการต่อสู้คดีให้กับผู้ต้องหา ทั้งในชั้นสอบสวนและในชั้นศาล

18.จัดทำบันทึกการจับกุมอันเป็นเท็จ เช่น ลงสถานที่ วัน เวลา ในการจับกุมและจำนวนยาเสพติดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และนำรายชื่อตำรวจที่ไม่ได้จับกุมมาร่วมลงชื่อเพื่อสร้างผลงาน 19.จัดหาทนายความให้กับผู้ต้องหาและเรียกเงิน 20.จัดหานายประกันให้กับผู้ต้องหาและเรียกเงิน 21.จับผู้ต้องหาแต่ไม่ได้ของกลาง ยัดยาเสพติดบังคับให้รับสารภาพ และให้เขียนด้วยลายมือตัวเองพร้อมทำร้ายร่างกาย 22.รับจ้างเคลียร์คดีตามสถานีตำรวจต่างๆ และเสนอเงินให้กับพนักงานสอบสวนเป็นค่าตอบแทน 23.รับจ้างลบประวัติอาชญากร หรือเพื่อไม่ให้มีการนับโทษต่อ หรือเพื่อให้ศาลรอการลงโทษ

24.เรียกเงินจากผู้ต้องหาคดียาเสพติดสำคัญเพื่อไม่ต้องแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน 25.รับเงินจากญาติผู้ต้องหาเพื่ออำนวยความสะดวกในการเยี่ยม 26.นำภรรยาผู้ต้องหาไปร่วมประเวณี 27.ปล่อยตัวผู้ต้องหาหญิงแล้วนำมาเป็นสายลับ และร่วมประเวณี 28.จับผู้ต้องหาภายในอาคารชุดโดยไม่มีหมายจับ หลังจากนั้นทำบันทึกการจับกุมเท็จ อ้างว่าจับตัวได้บริเวณที่สาธารณะ 29.เดินสายหาเหยื่อนอกเขตพื้นที่ และเรียกเงินจากผู้ค้ายาเสพติดให้ส่งส่วยเป็นรายเดือน 30.นำรถของกลางที่ได้จากคดียาเสพติดไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ปลอมแปลงแผ่นป้ายทะเบียนหรือนำไปขายต่อ

ทั้งหมดนี้ย้ำว่าเป็นพฤติการณ์ที่มิชอบด้วยกฎหมาย ศีลธรรม และจริยธรรมของตำรวจบางนายเท่านั้น ไม่ใช่ตำรวจทุกนาย

แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับรองผู้กำกับการ (รองผกก.) ผู้หนึ่งซึ่งรับผิดชอบงานด้านสืบสวน กล่าวว่า ตราบใดที่ตำรวจยังไม่พัฒนา "ระบบ" และปรับเปลี่ยน "วิธีการสืบสวน" เราก็จะเห็นตำรวจเข้าไปอยู่ในวงจรที่ไม่ดีเหล่านี้

"ระบบ" ที่ว่าหมายถึงการตรวจสอบ คัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการทำงานสืบสวนคดียาเสพติด ซึ่งต้องผ่านการตรวจสอบทางจิตวิทยา ตรวจสอบประวัติส่วนตัว ประวัติการเงิน และผ่านการอบรมวิธีการสืบสวน

"วิธีการสืบสวน" เป็นสิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยน เพราะปัจจุบันนี้ตำรวจให้ความสำคัญกับการ "ล่อซื้อ" มากกว่าการ "สืบสวนสะกดรอย" เพราะการล่อซื้อให้ผลเร็ว ใช้งบประมาณน้อย แต่งานไม่มีคุณภาพ ขณะที่การสะกดรอยใช้เวลานาน ใช้งบประมาณมาก แต่ได้งานที่มีคุณภาพมากกว่า

"ในการล่อซื้อนั้น เจ้าหน้าที่ก็ไม่ต่างจากคนสั่งซื้อยาเสพติด เมื่อสั่งไปแล้วผู้ขายก็ส่งของมา เจ้าหน้าที่จับกุมคนส่งซึ่งเป็นคนกลาง แต่ต้นทางและปลายทางคือคนผลิต คนขาย และคนสั่งซื้อยังอยู่ แล้วเมื่อไรยาเสพติดจะหมด" ตำรวจระดับ รองผกก.รายนี้ตั้งคำถาม

นอกจากนั้น การล่อซื้อยังเป็น "ความต้องการแฝง" (ดีมานด์เทียม) ทำให้เราไม่รู้ตัวเลขที่แท้จริงเกี่ยวกับการผลิตและความต้องการว่าแท้ที่จริงแล้วมีเท่าไร ส่งผลให้การวางแผนป้องกันปราบปรามผิดพลาดได้

ดังนั้นหากมีการปรับปรุงระบบและวิธีการสืบสวนคดียาเสพติด ก็เชื่อว่าจะช่วยป้องกันตำรวจให้ทำงานอยู่ในกรอบที่ถูกต้องและเป็นมืออาชีพมากขึ้นได้ เพราะในความเป็นจริงต้องยอมรับว่าบางกรณีเมื่อตำรวจเห็นเงินมากๆ ก็ไขว้เขวได้เหมือนกัน แม้จะเป็นตำรวจดีๆ ก็ตาม

หวังว่าข้อมูลข้อร้องเรียนจากประชาชนและข้อเสนอแนะจากฝ่ายตำรวจที่ทำงานด้านการสืบสวนจะเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะกับการกำจัดตำรวจไม่ดีซึ่งเชื่อว่าเป็น "ส่วนน้อย" ให้หมดไป