ทุ่ม50ล้านสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล

ทุ่ม50ล้านสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล

อบจ.นครพนมทุ่มงบกว่า50ล้านเดินเครื่องโรงผลิตไฟฟ้าชีวมวลขายไฟฟ้าภูมิภาค สร้างรายได้ให้ชุมชน

นายสมชอบ นิติพจน์ นายก อบจ.นครพนม เปิดเผยว่า อบจ.ได้คิดตั้งโรงงานไฟฟ้าชีวมวลขึ้นมา โดยเป็นโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวลแห่งนี้จุดเริ่มต้นเกิดจากที่ตนได้เดินทางไปศึกษาดูงานหลายที่ ทั้งในภาคกลางและต่างประเทศ อาทิ ประเทศลาวก็จะผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ แต่พื้นที่นครพนมของเรา โรงไฟฟ้าชีวมวล น่าจะลงตัวที่สุด

ทั้งนี้ก่อนที่เราจะเริ่มโครงการนี้ขึ้นได้มองถึงผลกระทบด้านสิ่งสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นหรือไม่จนกระทั่งผลการศึกษาไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนเราจึงเดินเครื่องโครงการนี้ขึ้นโดยใช้เงินกู้จากธนาคารออมสินเป็นแหล่งเงินทุนประมาณ 54 ล้านบาท

ซึ่งทำการก่อสร้างขึ้นในพื้นที่โรงงานงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ที่ทำมาก่อนหน้านี้ ตั้งอยู่ที่บ้านหนองฮี หมู่ที่ 2 ต.หนองฮี อ.ปลาปาก เป็นเนื้อที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนมจำนวน 34 ไร่ห่างจากชุมชนหมู่บ้าน ใช้งบประมาณในการก่อสร้างจำนวน 54 ล้านบาท ตัวเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าลงทุนสร้างจำนวน 40 ล้านบาท นอกนั้นจะเป็นโครงสร้างต่างๆวางเมนสายไฟเชื่อมกับไฟฟ้าภูมิภาค

เมื่อเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า มีการสัญญาขายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวลให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในปริมาณพลังงานไฟฟ้าสูงสุดที่ 0.3 เมกะวัตต์ ที่ระดับแรงดัน 22,000 โวลท์ ในกำลังผลิต 300 กิโลวัตต์/ชั่วโมง การขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคก็จะมีรายได้ย้อนกลับเข้ามา อบจ.ในการใช้หนี้คืนอีกด้วย และที่สำคัญสามารถแก้ปัญหาไฟฟ้าตกในพื้นที่

“สำหรับกระบวนการผลิตไฟฟ้าของโรงงานไฟฟ้าชีวมวลแห่งนี้ จะใช้เศษไม้เป็นวัตถุดิบโดยการรับซื้อไม้ยูคาฯจากชาวบ้านที่มีจำนวนมากในจังหวัดมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำขึ้นเตาเผาโดยเครื่องจะแยกเอาควันจากการเผาไหม้เป็นตัวจุดระเบิดเครื่องยนต์ปั่นกระแสไฟฟ้าขณะที่เครื่องยนต์เดินเครื่องจะไม่มีควันขึ้นสู่ท้องฟ้าสร้างมลภาวะเป็นพิษทางอากาศจะได้กลิ่นจากกการเผาไม่มากนักที่คือเทศโนโลยีของเครื่องผลิตกระแสไฟแห่งนี้ โดยประโยชน์ที่ได้รับนอกเราจะได้กระแสไฟขายให้การไฟฟ้าแล้ว เรายังได้น้ำถ่านและเศษถ่านเล็กๆจากการเผาของเครื่องจะแยกออกมาเป็นชิ้นเล็กๆพนักงานก็จะเก็บใส่กระสอบน้ำมาเป็นส่วนผสมในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ของโรงงาน อบจ.ที่ตั้งขึ้นในที่เดียวกันอีกด้วย"นายสมชอบ กล่าว

นายกอบจ.นครพนม กล่าวว่า ในอนาคตชาวบ้านแถบนี้ก็จะมีรายได้ เพราะจะมีการรับซื้อซากวัสดุการเกษตรจากชาวบ้านมาเป็นเชื้อเพลิง เช่น เศษไม้จากการถางสวน ฟางข้าว อ้อย ข้าวโพดฯลฯเพราะวัสดุที่กล่าวถึงสามารถนำมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้าได้โดยที่ชาวบ้านไม่ต้องเผาทิ้งสร้างมลภาวะเป็นพิษทางอากาศด้วย.