นายสถานีรถไฟผูกคอตาย

นายสถานีรถไฟผูกคอตาย

นายสถานีรถไฟผูกคอตาย ทั้งเพิ่งได้ย้ายกลับกบินทร์บุรี น้องชายชี้เคยบ่นเครียดเรื่องงาน ลูกน้องไม่ค่อยเชื่อฟัง

เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 14 มิ.ย. ร.ต.ท.สันต์ นาคคลี่ พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ รับแจ้งเหตุมีผู้คอเสียชีวิต เหตุเกิดอาคารหอพักโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ ภายในสวนรถไฟ แขวงและเขตจตุจักร กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม มูลนิธิป่อเต๊กตึ๊ง และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 3 ชั้น บริเวณระเบียงห้องพักเลขที่ 1021 ชั้นที่ 2 ของอาคารดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบศพ นายประดิษฐ์ จันพิลาด อายุ 40 ปี ผู้ช่วยนายสถานีหัวตะเข้ จ.พิจิตร ที่อยู่ตามบัตรประชาชน เลขที่ 19 หมู่ 15 ต.วังดาล อ.กบิณทร์บุรี จ.ปราจันบุรี สภาพสวมเสื้อคอปกสีชมพู กางเกงขาสั้นลายพราง ใช้สายสะพายกระเป๋าสีดำผูกคอตัวเองกับราวระเบียงห้อยตัวออกไปด้านนอก ตามร่างกายไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือถูกทำร้ายแต่อย่างใด เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงเก็บลายละเอียดที่พบไว้ไปตรวจสอบ

จากการสอบถาม นายถาวร ดวงแข อายุ 55 ปี นายสถานีผู้แทนหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมอบรมผู้ตาย กล่าวว่า ตนและผู้ตายพร้อมเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ เดินทางมาอบรมภาษาอังกฤษ ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. โดยวันนี้เป็นวันสุดท้าย ซึ่งตนพักอยู่ห้องเดียวกับผู้ตาย โดยตลอดเวลาที่อบรมมาด้วยกันผู้ตายก็ไม่มีอะไรผิดปกติ และไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง โดยเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (13 มิ.ย.) ผู้ตายบอกตนว่าจะออกไปเดินเล่นที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว จนเวลาประมาณ 21.00 น.ผู้ตายก็กลับเข้ามาที่ห้องพัก จากนั้นก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปนอน ส่วนตนก็ไปนั่งดูการแข่งขันฟุตบอลโลกคู่ระหว่างทีมชาติเม็กซิโกกับแคมมารูน กระทั่งเวลา 02.00 น.ตนจึงกลับเข้าไปนอนก็พบว่าผู้ตายยังนอนหลับอยู่ ก็ไม่ได้เอะใจอะไรจึงล้มตัวลงนอน

นายถาวร กล่าวต่อว่า จากนั้นเวลาประมาณ 05.00 น.ที่ผ่านมา ตนก็ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ปกติผู้ตายจะเป็นคนลุกขึ้นมาปิดนาฬิกาปลุก แต่วันนี้นาฬิกาปลุกดังนานมากผิดปกติ ตนจึงลุกขึ้นมาปิดเองก็ไม่พบว่าผู้ตายนอนอยู่ ตนคิดว่าผู้ตายอาจจะออกไปวิ่ง เพราะเป็นกิจวัตรประจำวันระหว่างที่มาพักของผู้ตายอยู่แล้ว จากนั้นตนจึงไปอาบน้ำเมื่อเสร็จแล้วจึงออกจากห้องเพื่อเอาผ้าไปตากที่ระเบียงก็พบผู้ตายผูกคอตัวเองเสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ

นายสุเทพ จันพิลาด อายุ 35 ปี น้องชายผู้ตาย กล่าวว่า ปกติผู้ตายเป็นคนไม่ค่อยพูด ชอบเก็บตัว และไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง ซึ่งผู้ตายมักเดินทางกลับบ้านค่อนข้างที่จะบ่อย และระบายกับคนที่บ้านว่าเครียดเรื่องงาน งานเยอะ และลูกน้องก็ไม่ค่อยเชื่อฟัง และเคยทำเรื่องย้ายกลับบ้านที่ จ.ปราจันบุรี แต่เรื่องก็เงียบไป จากนั้นวานนี้ก็มีคำสั่งย้ายให้ผู้ตายกลับมาดำรงตำแหน่งนายสถานีที่บ้านเกิด แต่ผู้ตายก็มาเสียชีวิตเสียก่อน ซึ่งคาดว่าผู้ตายน่าจะเครียดเรื่องงาน

ร.ต.ท.สันต์ กล่าวว่า จากการสอบสวนเพื่อนที่มาอบรมทราบว่า ก่อนหน้านี้ผู้ตายดำรงตำแหน่งเป็นนายสถานีหัวตะเข้ จ.พิจิตร และเคยทำเรื่องย้ายกลับไป กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี บ้านเกิดนานแล้ว กระทั่งวานนี้ (13 มิ.ย.) ทางการรถไฟก็มีคำสั่งให้ผู้ตายไปดำรงตำแหน่งนายสถานีกบิณทร์บุรี และให้ไปรายงานตัวในวันนี้ (14 มิ.ย.) กระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าผู้ตายผูกคอตัวเองด้วยสาเหตุใดกันแน่ เพราะเพื่อนที่มาร่วมอบรมก็ไม่ทราบสาเหตุเนื่องจากเป็นแค่เพื่อนร่วมอบรมไม่ใช่เพื่อนร่วมงานจึงไม่ทราบว่าผู้ตายมีปัญหาส่วนตัวหรือปัญหาใดกันแน่ จึงต้องสอบปากคำญาติ เพื่อนฝูง และเพื่อนร่วมงานผู้ตายอย่างละเอียดเสียก่อนว่าผู้ตายมีปัญหาอะไร และสาเหตุที่ผูกคอตัวเองมาจากอะไรกันแน่ ก่อนดำเนินการต่อไป