ปปง.ยึดทรัพย์แก๊งค้าไม้พะยูง-ตัวนิ่มกว่าพันล้าน

ปปง.ยึดทรัพย์แก๊งค้าไม้พะยูง-ตัวนิ่มกว่าพันล้าน

ปปง.เผยยึดทรัพย์แก๊งค้าไม้พะยูง-ตัวนิ่มข้ามชาติกว่าพันล้านบาท พบเปิดสวนสัตว์บังหน้า

พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการปปง. แถลงผลการเข้าตรวจค้นยึดอายัดทรัพย์สินขบวนการค้าไม้พะยูง-ตัวนิ่มกลุ่มของนายกัมปนาท ชัยมาตร หรือเสี่ยถังกับพวก ในคดีความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม โดยการใช้ยึดถือหรือครอบครองทรัพยากรธรรมชาติหรือกระบวนการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ โดยมิชอบด้วยกฎหมายอันมีลักษณะเป็นการค้า หรือขบวนการค้าไม้พยุงและสัตว์ป่า ที่จังหวัดนครราชสีมา และชัยภูมิ โดยมีการกระทำผิดมาตั้งแต่พ.ศ.2543ถึงปัจจุบัน เบื้องต้นสำนักงานปปง.ตรวจสอบพบทรัพย์สินเกี่ยวกับการทำผิดรวม 98 รายการ ประกอบด้วยเงินสด กว่า 6 ล้านบาท บัญชีเงินฝาก 28 บัญชี ที่ดิน 24 แปลง รถยนต์ 29 รายการ และทรัพย์สิน อื่น มูลค่ารวม 1,183 ล้านบาท โดยเมื่อวานนี้ (5พ.ค.) เจ้าหน้าที่ปปง.ได้เข้าตรวจค้น 4 จุดได้แก่ 1.บ้านเลขที่ 333หมู่ 3 บ้านยางบ่า ต.โคกสูง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ มีนางเกษศิรินทร์ เลิศขามป้อม ภรรยานายกัมปนาท ชัยมาตร เป็นผู้ดูแลทรัพย์สินภายในบ้าน 2.บ้านเลขที่ 502 เต๊นท์รถ Big Car ที่ถนนชัยภูมิ-สีคิ้ว ต.หนองนาแซง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ มีนางเกษศิรินทร์ เป็นผู้ดูแลทรัพย์สิน 3.บ้านเลขที่ 121ต.โคกสูง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เป็นบ้านที่นางดาวเรือง ชัยมาตร พี่สาวนายกัมปนาทเป็นเจ้าบ้าน และ 4.บริษัทสวนสัตว์ชัยภูมิสตาร์ไทเกอร์ จำกัด ที่นางดาวเรือง เป็นเจ้าของกิจการ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ปปง.อยู่ระหว่างตรวจสอบยึดอายัดเพิ่ม เพราะเชื่อว่ามีทรัพย์สินที่กระทำผิดอีกมาก

พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวอีกว่า เครือข่ายค้าไม้พะยูงและสัตว์ป่าแก๊งค์นี้ถือว่าเป็นเครือข่ายใหญ่ในภาคอีสาน และมีการค้าไม้พยุง แม้จะมีการส่งขายต่างประเทศ แต่ถ้าตรวจสอบพบเป็นการฟอกเงิน ก็สามารถใช้กฎหมายอายัดทรัพย์ได้ โดยคดีนี้ เป็นเครือข่ายหนึ่งซึ่งเชื่อมโยงจากชายแดนภาคอีสานไปถึงภาคใต้และพบอีกว่าเป็นการทำความผิดครบวงจรทั้งค้าไม้และค้าสัตว์ป่า และเชื่อว่ามีการเปิดสวนสัตว์ในชื่อ ”สวนสัตว์ชัยภูมิสตาร์ไทเกอร์” บังหน้าเพื่อเป็นที่พักสัตว์ โดยเฉพาะตัวนิ่มซึ่งที่ผ่านมาจะพบว่ามีการนำส่งทางภาคใต้เป็นหลัก ซึ่งปปง.สามารถตรวจสอบยึดอายัดเฉพาะการค้าไม้พยุงและสัตว์ป่าภาคใต้ ได้ถึง 233 ล้านบาท ส่วนที่ภาคอีสานมีการตรวจพบการทำธุรกรรมของเครือข่ายถึง 1,160 ล้านบาท

พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวอีกว่า นายกัมปนาท หรือเสี่ยถังเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสภูธรโชคชัยจับกุมได้เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมาขณะขนเงินจำนวน 4.7 ล้านบาทเพื่อนำไปซื้อไม้พะยูง แต่ถูกตำรวจตรวจค้นได้ก่อน และทางพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือถึงปปง.ให้ตรวจสอบทรัพย์สินในครั้งนั้น เนื่องจากสงสัยว่าจะเป็นทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิด 15 รายการ โดยก่อนหน้านี้ตำรวจสามารถจับกุมนายจักรินทร์ ลาภชัย และพวกที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้าไม่พะยูงในภาคอีสาน และขยายผลจนพบว่า นายกัมปนาทหรือเสี่ยถังคือ นายทุนที่อยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้ระหว่างที่ตำรวจทำการจับกุมนายจักรินทร์และพวก ได้มีนายสุเชษฐ์ อัตถาวงศ์ พี่ชายของนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้ามาแสดงตัวติดสินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยเงินสดจำนวน 1.5 ล้านบาทด้วย

รายงานข่าวจากปปง. ระบุว่า สำหรับเครือข่ายค้าไม้พะยูงของนายกัมปนาท จากการตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมทางการเงินพบว่า มีกระแสเงินหมุนเวียนระหว่างปี 2554-2557เป็นธุรกรรมเงินขาเข้าจำนวน 1,183 ล้านบาท และธุรกรรมการเงินที่โอนออกไปยังบุคคลอื่นจำนวน 320 ล้านบาท โดยจุดหมายปลายทางของการส่งไม้พะยูงและสัตว์ป่าจะถูกส่งไปยังประเทศมาเลเซียและประเทศจีน และมีชาวต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายดังกล่าวมากกว่า 3 รัฐขึ้นไป

พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวถึงความคืบหน้าการยึดทรัพย์คดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นว่า ขณะนี้ ปปง. ได้ทำการยึดอายัดมา 5 ครั้งแล้ว มีทรัพย์สินรวมทั้งหมด 609 รายการ มูลค่า 3,793 ล้านบาท ซึ่งจำนวนนี้ ปปง. ได้ส่งให้ดีเอสไอคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย โดยให้นำทรัพย์สินประเภทที่ดินจำนวนหนึ่งไปขายเพื่อนำรายได้ไปคืนให้กับสหกรณ์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้สมาชิกสหกรณ์ที่ได้รับความเสียหาย ดังนั้น อยากให้สมาชิกที่ยังไม่ได้รับเงินสามารถมายื่นคำร้องต่อปปง.เพื่อขอคุ้มครองสิทธิได้ ทั้งนี้ มีสมาชิกสหกรณ์กว่า 50,000 ราย ที่ได้รับความเสียหายและบางส่วนยังไม่ได้เข้ามายื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิ