แกะรอยคดีฆ่ายกครัว'หอมชง'3ศพ

แกะรอยคดีฆ่ายกครัว'หอมชง'3ศพ

แกะรอยคดีสะเทือนขวัญ ฆ่ายกครัว'หอมชง'3ศพ จากปมปัญหาครอบครัว สู่เงื่อนงำดึง"คนนอก"วางแผนฆ่า?

เสียงก่นประณามสาบแช่งหนาหู! สำหรับลูกชายคนเล็กของบ้าน "หอมชง" อย่าง นายกิตินันท์ หอมชง หรือ เต้ย อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาบงการฆ่าพ่อ-แม่ และพี่ชาย จากเหตุน้อยเนื้อต่ำใจและหวังสมบัติหรือไม่

แม้ว่า "เต้ย-กิตินันท์" ยังพลิกคำให้การ ไม่ยอมรับคำสารภาพที่ตำรวจเปิดเผยก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่ภายหลังจากที่ นายสิริชัย เพิ่มพูนศักดิ์ หรือ ป้อม มือปืนที่ก่อเหตุฆ่ายกครัวได้เข้ามอบตัวแต่โดยดีที่ สน.สุทธิสาร พร้อมกับยอมรับสารภาพทุกข้อหา เปิดใจว่าไม่ทราบมาก่อนว่าลูกชายว่าจ้างให้ฆ่าครอบครัวตัวเอง ย่อมทำให้คดีผูกมัด "เต้ย-กิตินันท์" อย่างแน่นหนา

อย่างไรก็ตาม "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" ได้ลำดับเหตุการณ์เรื่องดังกล่าวที่กลายเป็นเรื่องราวร้อนสะเทือนขวัญตลอดเกือบ 5 วันที่ผ่านมา

เหตุยิงคนร้ายบุกยิงยกครัว3 ศพคาบ้านพักย่านหลักสอง

เมื่อวันที่ 3 เมษายน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หลักสอง ได้รับแจ้งว่า มีเหตุยิงกันจนมีผู้เสียชีวิต 3 ศพ บริเวณบ้านเลขที่ 1279 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค

เกิดเหตุการณ์คนร้ายเข้าบุกยิงคนในครอบครัว "หอมชง" พบศพนางวนิดา หอมชง ครูโรงเรียนราชวินิตประถมบางแค วัย 57 ปี ขณะที่ใกล้ ๆ กันนั้นพบศพ ร.ต.ท.ธรรมณัฐ หอมชง หรือ หมวดเติ้ล วัย 27 ปี พนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน และนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 66 นอกจากนี้ ใกล้ ๆ ศพ ร.ต.ท.ธรรมณัฐ พบปลอกกระสุน ขนาด 9 มม. 1 ปลอกด้วย และพบศพ พ.อ.วินัย หอมชง ข้าราชการบำนาญ กรมแพทย์ทหารบก วัย 63 ปี เกิดขึ้นโดยที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุ และมีการสอบสวนบุคคลใกล้ชิดที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต

ต่อมา ( 4 เมษายน) นายกิตินันท์ หอมชง หรือ เต้ย อายุ 22 ปี ลูกชายคนเล็กของครอบครัว เดินทางมาที่บ้านให้การว่า ไม่ทราบว่าเรื่องเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะตนพักกับเพื่อนที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 โดยให้ข้อมูลว่า น่าจะเป็นความขัดแย้งเรื่องที่ดินหรือไม่ และเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ หลังพบพิรุธบางอย่าง

ทว่า วันถัดมา (5 เม.ย.)ลูกชายคนเล็กรับสารภาพ จ้างวานฆ่ายกครัว พ่อ-แม่-พี่ เหตุหวังมรดก น้อยใจรักลูกไม่เท่ากัน หลังจากที่ถูกสอบปากคำอย่างหนัก นายกิตตินันท์ก็ยอมเปิดปากรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับหนุ่มคู่ขา ชื่อ นายกอล์ฟ วางแผนจ้างวานเพื่อนอีก 2 คน ให้บุกเข้าไปยังบ้านหลังดังกล่าวเพื่อก่อเหตุยิงพ่อ แม่ และพี่ชาย ตนเองจนเสียชีวิต เพราะต้องการมรดกทั้งหมด อีกทั้งยังรู้สึกว่าพ่อ แม่ ลำเอียงรักลูกไม่เท่ากัน โดยพ่อแม่ให้ความรักกับ พี่ชายตนมากกว่า จึงรู้สึกเก็บกด

โดยขณะนี้ฝ่ายสืบสวน บก.สส.บช.น.ได้ควบคุมตัว นายกิตตินันท์ และนายกอล์ฟ คู่ขาเอาไว้แล้ว และอยู่ระหว่างติดตามตัวผู้ต้องหาที่เหลือ ซึ่งยังไม่ทราบชื่ออีก 2 ราย เชื่อว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุครั้งนี้ ก่อนหลบหนีไปพร้อมกับอาวุธปืนขนาด 9 มม.และได้รับค่าเดินทางจากนายกิตตินันท์ ไปเพียง 10,000 บาท สำหรับใช้ในการหลบหนี โดยมีการตกลงกันว่าถ้างานสำเร็จและเรื่องเงียบลงจะนัดรวมตัวเพื่อให้ค่าตอบแทนอีกก้อนหนึ่ง

รวบแล้ว 4 ผู้ต้องหา

(6 เม.ย.) ก่อนเกิดเหตุนายกิตตินันท์ได้วางแผนกว่า 2เดือนก่อนขอยิมเงินจาก ร.ต.ท.ธรรมณัฐ พี่ชาย 6 หมื่นบาท เพื่อไปทำธุรกิจฟิตเนต แต่ได้นำเงินจำนวน 5 หมื่นบาทไปว่าจ้างวินมอเตอร์ไซค์กลุ่มหนึ่งมาวางแผนฆ่า แต่กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ได้เปิกเงินล่วงงหน้าไปแล้วหลบหนี จึงต้องหามือปืนคนใหม่แทน และได้นำเงินจำนวนที่เหลือ 1หมื่นบาทไปจ่ายเป็นค่ามัดจำสำหรับมือปืนคนใหม่เพื่อก่อเหตุดังกล่าว

หลังจากนายกิตตินันท์ได้เข้ามอบตัวและให้คำรับสารภาพแล้ว ตำรวจสามารถรวบตัวผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 3 รายคือ นายศักรินทร์ พันธกุลหรือกอล์ฟอายุ 22 ปี เพื่อนชายคนสนิท นายฉลาด เที่ยงธรรมหรืออาจารย์ป๊อดอายุ 53 ปี คนขับรถแท็กซี่คอยรับส่งมือปืน และนายสุระพงษ์ ชูพันธ์หรือจ่าแอ๊ดอายุ 47 ปี มือปือที่คอยระวังหลังให้กับมือปืนอีกราย และยังเหลือนายสิริชัย หรือป้อม เพิ่มพูนศักดิ์ มือปืนผู้ลงมือยิงอีก 1 คน ที่ยังหลบหนีอยู่ ทำให้ตำรวจต้องตั้งรางวัลนำจับ 5 แสนบาท

ขณะที่ญาติยังไม่ปักใจเชื่อ คดีฆ่ายกครอบครัว 3 ศพ ระบุบุตรชายคนเล็กรักครอบครัว

นายปวิช บุญกระพือ น้องชายของนางวนิดา ซึ่งเป็นน้าชายของนายกิตตินันท์ ยังไม่ปักเชื่อในคำให้การของหลานชายที่ตกเป็นผู้ต้องหา เพราะหลานเป็นที่รักครอบครัว ส่วนผลประโยชน์เรื่องมรดกที่ดินนั้นทางพ่อ-แม่ ได้แบ่งให้หลาน ๆ ทั้ง 2 คน โดยเท่า ๆ กัน และเรื่องการจ้างวานมือปืนมาฆ่า พ่อ-แม่-พี่ชาย นั้น เท่าที่พูดคุยกับนายกิตตินันท์ ไม่เคยบอกว่าเป็นคนบงการ เพราะตัวนายกิตตินันท์ เองนั้นไม่มีเงิน แต่ที่ตัวมือปืนออกมาบอกว่าจะให้ทั้งเงินสดและรถยนต์นั้นหลังจากงานเสร็จแล้ว

และ (7 เม.ย) นายสิริชัย เพิ่มพูนศักดิ์ หรือ ป้อม อายุ 42 ปี มือปืนเดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจ พร้อมทำแผนประกอบคำรับสามรภาพ ที่บ้านหลังที่เกิดเหตุ จุดแรกคือจุดที่ยิงใส่ ร.ต.ท.ธรรมณัฐ หอมชง พี่ชายคนโตที่อยู่ชั้นล่างของบ้าน จุดที่สองคือจุดยิง นางวนิดา หอมชง มารดาในห้องนอนชั้นล่าง ตามด้วยจุดที่สามจุดที่ยิง พันเอกวิชัย หอมชง บิดาในห้องนอนชั้น 2 ของบ้าน โดย นายสิริชัย ได้ใช้หมอนกดทับศีรษะเพื่อป้องกันเสียงก่อนลงมือสังหาร ซึ่งก่อเหตุเพียงคนเดียว ก่อนจะขึ้นรถแท็กซี่ที่ นายฉลาด จอดรอไว้นอกบ้าน และนายสิริชัยหลบหนีไปอยู่ย่านสุทธิสาร

ขณะที่ปมประเด็นการสังหารครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงยืนยันข้อสันนิษฐานเดิม เนื่องจาก นายกิตตินันท์ รู้สึกน้อยใจและเคืองโกรธที่ครอบครัวมักนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับพี่ชาย ประกอบต้องการทรัพย์มรดกของครอบครัว หลังพบว่าบิดามีสินทรัพย์เป็นที่ดินกว่า 4 ไร่ มูลค่าหลาย 100 ล้านบาท และมีเงินฝากจำนานหลาย 10 ล้านบาทเช่นกัน

ทั้งนี้พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ถือว่าเป็นคดีฆาตกรรมที่สามารถปิดคดีได้อย่างสมบูรณ์ โดยสามารถติดตามอาวุธปืนของกลางกลับมาได้ และมือปืนก็ให้การรับสารภาพว่า ได้ใช้ปืนก่อเหตุยิงทั้ง 3 ส่วนแรงจูงใจเชื่อว่า นายกิตตินันท์ บุตรชายคนเล็กของครอบครัว ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้าง เพราะคาดหวังว่า หากพ่อแม่ และพี่ชาย เสียชีวิต จะได้รับมรดกในอนาคต โดยนำที่ดินไปขาย

เหนืออื่นใด กรณีโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับ"ครอบครัวหอมชง" กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุสะเทือนขวัญใจสังคมไทย ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะใช้เวลาเพียง 5 วัน ในการไขคดีและสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนที่เกี่ยวข้อง จะใช่เรื่องปมขัดแย้งในครอบครัวเพียงอย่างเดียว และมีปัจจัยอื่นด้วยหรือไม่ ยังต้องติดตามกันต่อไป