เล่านิทานกล่อมลูก

เล่านิทานกล่อมลูก

การเล่านิทานก่อนนอน เป็นความทรงจำที่เด่นชัดของครอบครัว "บุญยะลีพรรณ" กิจวัตรประจำวันที่คุณพ่อเฉลิมชัยใช้กล่อมเกลาลูกๆ ก่อนนอน

หากถอดหมวกของการเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ รศ.นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ คือคุณพ่อของลูกสาวและลูกชายวัยรุ่นที่เรียนดี กิจกรรมเด่น โดยลูกสาวคนโตจบปริญญาตรีจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยคอร์แนล และกำลังเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ขณะที่ลูกชายคนเล็กกำลังเรียนปริญญาตรี 2 ใบจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย

“ทั้งสองคนเป็นเด็กเลี้ยงยากหรือ Difficulty Child ตั้งแต่ในท้อง ลูกสาวคนโตต้องถ่ายเลือดในช่วงที่คลอดออกมา เพราะเม็ดเลือดแดงมีปัญหา ในขณะที่ตอนตั้งท้องลูกชายคนเล็กก็มีความเสี่ยงที่จะแท้ง แต่เมื่อทั้ง 2 คนเกิดมา ทั้งพ่อและแม่ก็พยายามให้สิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุด เริ่มจากนมแม่ เพื่อให้ลูกได้รับภูมิต้านทานให้มากที่สุด” คุณพ่อเฉลิมชัยย้อนความหลัง

ถึงคราวผู้เป็นพ่อต้องรับช่วงเลี้ยงดูลูกวัยกำลังจดจำ รศ.นพ.เฉลิมชัย เลือกใช้นิทานเป็นเครื่องมือหลักในการสร้างเสริมจินตนาการ ทัศนคติและการเรียนรู้ให้กับลูก โดยใช้เวลาทุกๆ คืนแทบจะไม่มีขาดหายในการเล่านิทานก่อนนอน

ความทรงจำแสนสนุก

รศ.นพ.เฉลิมชัยเริ่มจากไปหาซื้อนิทาน 2 ภาษาแล้วเริ่มเล่าด้วยภาษาไทย ให้เด็กจำเนื้อเรื่องได้ จากนั้นจึงเล่าเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษซ้ำ เวลาเล่าก็จะให้ลูกๆ นั่งตักซ้ายขวา เพื่อให้พ่อลูกได้สัมผัสกันผ่านการโอบกอด ในขณะเดียวกันเด็กก็จะได้เห็นหนังสือนิทานไปด้วย

การเลือกนิทานนั้น คุณพ่อเฉลิมชัยแนะว่า เด็กเล็กๆ ควรเน้นหนังสือนิทานที่ภาพเยอะ ตัวอักษรน้อยๆ ให้ได้รู้สึกสนุกกับรูป สีสัน เด็กจะไม่เบื่อ แต่เมื่อโตขึ้น หนังสือนิทานจะเปลี่ยนเป็นตัวหนังสือเยอะ รูปน้อย เพื่อฝึกให้จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงการคิดวิเคราะห์อีกด้วย

นอกจากการเล่านิทานให้ได้อรรถรสด้วยการออกเสียง แสดงท่าทาง บางครั้ง การเล่าโดยทิ้งระยะ เช่น กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นาน ..... เด็กจะสงสัย ว่านานเท่าไหร่ นานเท่าที่เขาเกิดไหม นานเท่าคุณพ่อเกิดไหม หรือนานเท่าที่ไดโนเสาร์เกิด เป็นการฝึกให้เด็กสงสัย คิด และพยายามหาคำตอบ

คุณพ่อลูกสองยังแนะเทคนิคอีกว่า การตอบคำถามที่เราไม่รู้ว่าไม่รู้ เช่น นานเท่าไหร่นั้น พ่อไม่รู้ เพราะพ่อยังไม่เกิด หรือไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น เด็กจะเรียนรู้ว่า พ่อไม่ได้รู้ทุกอย่าง

“กระบวนการเล็ก ๆ แค่ 2-3 นาทีระหว่างการเล่านิทาน จะจำลองสถานการณ์ให้เด็กรู้จักเรียนรู้ที่จะรอคำตอบ สงสัยและคิดวิเคราะห์ รวมถึงการสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ในขณะเดียวกันก็ฝึกกิริยามารยาท ความสุภาพ ความใจเย็น และความอดทน”

ระยะเวลา 15 นาทีที่พ่อเล่านิทาน แม่เป็นลูกคู่ เด็ก ๆ ได้สนุกสนานทำให้กระบวนการพัฒนาเด็ก ๆ ทางอ้อมนี้ หล่อหลอมเกิดการพัฒนา นอกจากนี้ นิทานบางเรื่องก็เล่าซ้ำไปซ้ำมาอย่าสนุกสนาน ในขณะที่นิทานบางเรื่อง รศ.นพ.เฉลิมชัยก็คาดผิด

“บางเรื่องลูกเรียกร้องอยากฟังอีก แม้จะเล่ากันบ่อยแล้ว กระทั่งวันหนึ่ง ลูกบอกว่า นอนฝันร้าย ขอไม่ฟังนิทานเรื่องนางสิบสองนะ ก็สงสัยว่าทำไม เพราะตัวเองมองว่า เป็นเรื่องที่สามารถสอนใจได้ แต่ลูกกลับบอกว่า มีทั้งการควักลูกตา กินลูกตัวเอง”

สอนใจลูก (ศิษย์)

เหตุผลนี้ทำให้คุณพ่อเฉลิมชัยต้องกลับมาคิดว่า เป็นเพราะตัวเองที่ไม่ละเอียดอ่อนพอ ไม่ดู Demand Side ว่าลูกต้องการอะไร ชอบหรือไม่ชอบอะไร จากนั้นก็ปรับตัวเอง ไม่มองแค่ Supply Side แต่ใส่ใจดูความต้องการของลูกด้วย ไม่ได้ดูแค่สิ่งที่พ่อแม่คิดว่าเหมาะอย่างเดียว

ซึ่ง รศ.นพ.เฉลิมชัยก็นำมาต่อยอดใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการ เมื่อต้องมาสวมหมวกอธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยโซเชียลมีเดียกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่อธิการบดี มศว เลือกใช้ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ ในขณะเดียวกันก็สอนทัศนคติในมุมที่เด็กอาจคิดไม่ถึง ซึ่งเป็นหน้าที่ที่อาจารย์ผู้สอนรวมถึงอธิการบดีต้องเป็นตัวอย่าง

“เราควรรู้ว่า นิสิตต้องการอะไร อยากเรียนแบบไหน ไม่ใช่แค่เราอยากสอนแบบไหน แต่ทั้งนี้ ต้องถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ต้องการไปให้ถึง บางครั้งการเรียนการสอนแบบท่องจำอาจจะไม่ใช่คำตอบ การยกกรณีตัวอย่างหรือเล่านิทาน และกระตุ้นให้เด็กหาคำตอบอาจช่วยฝึกทักษะ การคิดวิเคราะห์รวมถึงสร้างทัศนคติ จิตสาธารณะได้” รศ.นพ.เฉลิมชัยย้ำ