ยืดอายุให้ยืนยาวด้วย 'ทูน่า'

การกินช่วยลดเสี่ยงหัวใจและหลอดเลือด พร้อมยืดอายุให้ยืนยาวได้ง่าย ๆ ด้วยปลา'ทูน่า'
โรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นปัญหาสุขภาพที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี จากข้อมูลของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในปี 2556 พบว่า โรคหัวใจเป็นโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตติดอันดับ 1 ใน 10 ของโรคที่มีอัตราการตายสูงสุดในประเทศไทย และยังส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจถึงปีละประมาณ 50,000 ล้านบาท จากการวิจัยและคำแนะนำของแพทย์เพื่อยืดอายุให้ยืนยาวพร้อมกับลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจนั้นสามารถเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการรับประทานปลา โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึกที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่เต็มเปี่ยมด้วยคุณค่าทางโภชนาการและมากประโยชน์ต่อสุขภาพ
กรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร ซึ่งพบได้มากในปลาทะเลน้ำลึกทั้งในปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล และปลาทูน่า ที่มีไขมัน โอเมก้า 3 สูงถึง 1 - 4 กรัม ต่อเนื้อปลา 100 กรัม กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่สำคัญมี 2 ชนิด ได้แก่ EPA (EICOSAPENTAENOIC ACID) และ DHA (DOCOSAHEXAENOIC ACID) ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้สูงอายุ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ เนื่องจากโอเมก้าไปช่วยลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือดและการหดตัวของหลอดเลือด จึงส่งผลให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ยากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดอัตราเสี่ยงโรคหัวใจล้มเหลว และช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดจึงลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดได้
ผลการศึกษาวิจัยของนักวิทยาศาสตร์จากคณะสาธารณสุขมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในสหรัฐ พบว่าผู้ใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไปที่กินปลาเป็นประจำมีโอเมก้า 3 ในปริมาณสูง ทำให้มีอายุเฉลี่ยยืนยาวมากกว่าผู้ที่ไม่บริโภคกรดไขมันโอเมก้า 3 ถึง 2 ปี ทั้งนี้ พบความเชื่อมโยงว่าผู้ที่มีระดับโอเมก้า 3 ในร่างกายในปริมาณสูงมีความเสี่ยงเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจเพียงร้อยละ 35 น้อยกว่าผู้มีระดับความดันโลหิตต่ำ นอกจากนั้นทางสมาคมแพทย์โรคหัวใจอเมริกันยังแนะนำเพิ่มเติมว่าวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มกรดโอเมก้า 3 ในร่างกาย คือ เพิ่มการรับประทานปลาทะเลสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด







