พีท พีระ : จังหวะชีวิตชิล

พีท พีระ : จังหวะชีวิตชิล

หนุ่มผมยาวกับบุคลิกที่เรียบง่ายและอารมณ์ดี สร้างสรรค์ผลงานเพลงแนวความรัก ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างลึกซึ้งกินใจ

หนุ่มผมยาวลูกเสี้ยวเยอรมัน กับบุคลิกที่เรียบง่ายและอารมณ์ดี แต่สร้างสรรค์ผลงานเพลงแนวความรัก ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก เศร้า เหงา อกหัก ผิดหวัง ได้อย่างลึกซึ้งกินใจ ตรงกันข้ามกับชีวิตจริงของเขาที่เปี่ยมล้นด้วยความรักและผูกพันกับคู่ชีวิตแสนสวย ที่เพิ่งจูงมือเข้าประตูวิวาห์เมื่อไม่นานมานี้

พีท พีระ เทศวิศาล อดีตสมาชิกวง เดอะ พีซเมกเกอร์ ที่มีเพลงฮิตมากมาย "อยู่อย่างเหงาเหงา" "ส่วนเกิน" "เหงา" "นาทีนี้" "คิดถึง" จนถึงปีที่ผ่านมากับ อัลบั้มเดี่ยวชื่อชุด The Rhythm Traveller (เดอะ ริธึม แทรเวลเลอร์) กับค่ายโมโนมิวสิค และล่าสุดมีซิงเกิ้ลพิเศษเพื่อขอบคุณแฟนๆ ชื่อเพลง “หากว่าย้อนเวลากลับไปได้” แม้เพลงฮิตเป็นเพลงอกหัก แต่ในชีวิตจริงเขาไม่เหงาและไม่โดดเดี่ยว

หลังจากเข้าสู่ประตูวิวาห์เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2556 กับเจ้าสาวที่คบหากันมานานกว่า 7 ปี และได้ใช้เพลงที่ตัวเองแต่งชื่อ “คุ้มค่ากับการรอคอย” เป็นเพลงในงานแต่งงานธีมเอลฟ์ จากภาพยนตร์ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง ในเรื่องชีวิตคู่ พีทบอกว่า ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก จากก่อนแต่งกับหลังแต่ง และยังคงมี "จังหวะ" คู่กัน ที่นักร้องนักแต่งเพลงบอกไว้ว่า ต้องหาจุดคลิกกันให้เจอ และต้องดูแลกันและกัน แบบไม่ปล่อยให้มีกำแพงระหว่างกัน

พูดถึงการทำเพลงการแต่งเพลง คุณพีททำงานแบบไหน?

เราทำงานเป็นทีม ผมมีทีมทำเพลงสี่คน และเราก็จะมาดูว่าเพลงนี้ลองเขียนมาดูว่า เป็นใคร คนนี้เขียนเมโลดี้มาเป็นไง คนนี้อาจจะเขียนเนื้อร้อง คือ เราทำงานเป็นทีม ไม่ได้เจาะจงว่าใครต้องทำเพลงไหน

เรื่องราวความรักที่เขียนเป็นเนื้อเพลงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง?

เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงครับ แต่เกิดขึ้นจริงกับคนรอบตัวทั้งสี่คน(ในทีม) เราเก็บเอาเรื่องมาแชร์กัน

การทำเพลงแต่ละเพลงจะต้องประชุมกันทุกครั้ง?

เป็นบางเพลงครับ ยกตัวอย่างเพลง ผ่านมาให้แค่จำ เป็นชีวิตของทีมงานคนหนึ่งเลย ไม่ต้องมานั่งประชุมแล้ว(หัวเราะ)เขาก็เขียนเพลงมาเองเลย

ส่วนตัวชอบวิธีทำงานแบบไหน?

ผมชอบเพลงที่แต่งได้แบบผุดขึ้นมาเอง แต่มันจะเสียเวลาหน่อย ส่วนมากเพลงแบบที่ผุดมาเอง จะเป็นเพลงที่ได้อารมณ์เป็นธรรมชาติ เทียบกับเพลงที่เราสุมหัวกันแล้วสร้างมันขึ้นมา มันก็ไพเราะนะ แต่มันจะขาดบางอย่าง คนทั่วไปที่เป็นผู้ฟังอาจจะไม่รู้สึกครับ แต่คนที่เป็นนักร้องนักดนตรี เวลาเล่นเพลงๆนั้น มันให้ฟีล(feel) ที่ต่างกัน

บรรยากาศแบบไหนที่ทำให้คิดเพลงได้?

ก็ เป็นบรรยากาศกลางคืนน่ะครับ เงียบสงบ หัวสมองจะโล่ง และถ้าอยู่ทะเล ผมจะคิดได้เยอะกว่า มีลมพัดปลิวๆ ใส่หน้า และอยู่ในช่วงอารมณ์เหมาะๆ ด้วยจะคิด(เพลง)ได้

แต่งงานมาเกือบปี มีผลกับการทำงานหรือไม่?

ไม่มีครับ เราใช้ชีวิตคู่กันมาก่อนแต่งอยู่แล้ว และเขา (ภรรยา )ค่อนข้างจะคิดเพลงได้ง่ายกว่าผม แบบบางทีเขาชอบคิดเนื้อเพลงตลกๆ ให้เรา คิดเร็วกว่าผมอีก คือเขาจะโยนมุขตลกใส่ แล้วผมเอามาคิดต่อได้น่ะครับ

ชีวิตที่คบกันมานานเปลี่ยนอะไรไปบ้าง?

จังหวะชีวิตก็ไม่ค่อยเปลี่ยน ส่วนใหญ่ก็ยังเหมือนเดิม สิ่งที่ทำไม่ได้แล้วก็คงมี ไปเที่ยวคนเดียวไม่ได้แล้ว เพราะอาจจะกลับเข้าบ้านไม่ได้ (หัวเราะ) และปกติก็ไปเที่ยวด้วยกัน เป็นคนชอบเที่ยวคล้ายกัน

การอยู่ร่วมกันมานานทำให้ปรับตัวเข้ากัน?

น่าจะเป็นอะไรที่ เราชอบไม่เหมือนกัน แต่ทิศทางคล้ายกัน ทำให้ค่อนข้างจะไปกันได้ เช่น ทานอาหารไม่เหมือนกันซะทีเดียว แบบไปทานอาหารอีสาน ผมไม่ทานพวกหอย แต่ภรรยาผมเขาชอบ แต่ผมก็ชอบอาหารอีสานอย่างอื่น ก็ทานด้วยกันได้ ไปร้านเดียวกันได้

มีเกร็ดอะไรในชีวิตคู่สำหรับการหาจังหวะคลิกให้ลงตัว?

มันต้องมีจุดครับ จุดคลิก ลองค่อยๆหาจุดคลิกนั้น และเมื่อไรที่หาเจอแล้ว เมื่อมันคลิกได้ มันจะคลิกไปทั้งชีวิตเลยครับ และเวลาจะทำอะไรก็ใส่ใจกัน ก็พอนะ แล้วเราก็จะผ่านอะไรไปได้ทุกอย่างล่ะครับ

ใส่ใจอะไรบ้าง?

การใส่ใจกันและกันก็คือ ใส่ใจทุกรายละเอียด เป็นการเกื้อกูลกัน ดูแลกัน การช่วยกันคิด มันก็คือการใส่ใจกัน อย่างผู้หญิงจู้จี้จุกจิก เขาก็ใส่ใจเรารักเรานั่นแหละ (ผู้ชาย)ที่ไม่พูดอะไร เพราะเขามองภาพใหญ่ๆ ซึ่งแบบนี้ควรจะมีการพูดคุยกัน ทำความเข้าใจกันได้

ส่วนคู่ของคุณเป็นคู่พูดคุยกันได้?

ครับ เพราะถ้าคู่ที่ไม่คุยกันนะ มันจะมีกำแพงเริ่มปล่อยไป มันจะใหญ่ขึ้นๆ จนถึงจุดที่กำแพงแตก(ทะลาย) คราวนี้ซวยเลยนะ

คุณเป็นฝ่ายใส่ใจเยอะหรือมองภาพรวมเป็นหลัก?

ผมมองภาพรวม ใส่ใจกว้างๆ และเป็นคนโรแมนติก แต่พูดจาไม่โรแมนติก เป็นคนซ่อนความรู้สึก แต่คิดตลอด แสดงออกไม่ค่อยแสดง และทำอะไรแบบแข็งๆ แต่มีบางมุม(ที่โรแมนติก) เช่น เราคุยกับเพื่อนกับรุ่นน้องเรื่องการใช้ชีวิตคู่ เราจะยกตัวอย่างชีวิตเราว่า รู้ไหมทำไมเราทำได้แบบนี้ ผมก็จะเล่าเรื่องของเรา โดยที่ให้เขา(ภรรยา)ได้ยินบ้าง (เรื่องดีๆที่เกี่ยวกับชีวิตคู่) ระหว่างที่เราพูดกับคนอื่น แต่เราไม่ได้พูดกับเขาตรงๆ

บอกรักไหม?

ก็บอกครับ แต่ไม่ค่อยได้บอกบ่อย เพราะบอกบ่อยเดี๋ยวไม่มีค่า (หัวเราะ)

งอแงกันไหม?

ก็มีบ้าง แต่คู่ผมจะไม่ทะเลาะข้ามวัน ไม่ใครคนใดคนหนึ่งก็ต้องง้อก่อน ไม่งั้นปล่อย(ข้ามวัน)ไปมันจะบานปลาย เราทำแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้วล่ะ

ดูแลสุขภาพตัวเองอย่างไรบ้าง?

ออกกำลังกาย อาทิตย์ละ 3 วันโดยเฉลี่ย และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข (หัวเราะ) ซึ่งก็คือ กิน อยู่ ใช้ชีวิตกับเพื่อน และเล่นดนตรี แบบมีความสุข นั่นคือ routine ของผม

มีตารางชีวิตชัดเจนไหม?

ไม่ครับ ตารางผมค่อนข้างเฟลกซิเบิล ถ้าไม่นับเวลาทำงาน วันไหนไม่ได้ออกไปทำงาน แบบ(พบปะสื่อ)หรือออกงานแบบนี้ ผมก็จะเล่นดนตรี เจอเพื่อนฝูงอาทิตย์ละ ครั้งสองครั้ง วันที่เหลือก็จะไปออกกำลังกาย ก็เต็มที่กับการออกกำลังกาย และสุดท้ายก็อยู่กับที่บ้าน แต่ไม่ใช่ว่าเป๊ะ เพราะชีวิตผมจะออกแนวชิลล์ๆ

ออกกำลังกายของคุณคือทำอะไร?

เข้าฟิตเนสครับ พวกเครื่องเล่นอุปกรณ์ที่ช่วยการเบิร์น(แคลอรี) เพราะผมไม่ใช่แนวเล่นกล้าม

เป็นความชอบหรือเพราะงานเรียกร้อง?

ก็เป็นทั้งงาน ที่ต้องดูแลตัวเอง(ให้ดูดี)และนิสัยส่วนตัวที่เราชอบเที่ยว(กลางคืน)และชอบดื่มแอลกอฮอล์ มันก็จะทำให้อ้วนง่าย แคลอรีเยอะ เราก็ต้องเอาออก ก็วันไหนออกไปดื่มสังสรรค์ วันนี้ดื่มไปเท่าไร เราก็เบิร์นไปสักพันแคลอรี่นะ สบายมาก และเป็นคนเลือกทานอาหาร คือผมทานง่าย แต่เลือกทาน ไม่ทานเนื้อ เน้นทานผัก ชอบทานอาหารสุก

อาชีพนี้ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษ?

ก็คงเป็นเรื่องที่ดูแลเสียง ผมจะไม่ทานน้ำเย็น ไม่ใส่น้ำแข็ง ดื่มแอลกอฮอล์ก็ไม่ใส่น้ำแข็ง ไม่สูบบุหรี่ ผมไม่มีปัญหากับเรื่องการทำงานร้องเพลงในช่วงกลางคืน เพราะผมดูแลตัวเองได้ ผมก็นอนอย่างเพียงพอ ไม่ต้องนอนขนาด 8 ชั่วโมงนะครับ เพราะผมว่านั่นมันเป็นการนอนที่เยอะไป สำหรับผมนอนแค่ 6 ชั่วโมงหลับเต็มที่ก็ตื่นมาสดชื่นละ และผมก็ไปออกกำลังกาย ผมก็ยังสุขภาพดีนะ อย่างผมนอนตีสี่ตีห้า แล้วตื่นช่วงเที่ยง ซึ่งเป็นเวลาที่ผมทำมาตั้งแต่วัยรุ่น และชีวิตคู่ก็ไม่มีปัญหา เพราะเราก็จังหวะใกล้ๆ กัน และขึ้นอยู่กับการจัดสรรเวลาให้กันด้วย

แต่ถ้ารู้สึกว่าจะไม่สบายก็จะทานยาดับไว้ ไม่ปล่อยให้ตัวเองป่วย ถ้ารู้สึกเริ่มเจ็บคอ รู้ตัวแล้วว่าจะเป็นทอนซิลอักเสบ ก็จะทานยาแก้อักเสบกันไว้เลย ประมาณ 2 วันก็หาย และเวลานอน ผมจะพันผ้าคอไว้ตลอด อันนี้ช่วยได้ครับทำให้คออุ่นทุกวัน จะไม่ป่วย ปีหนึ่งผมจะเป็นหวัดสัก 1-2 ครั้ง ผ้าพันคอนี่ช่วยได้เยอะนะ เสมหะไม่มี คนที่นอนอ้าปาก ทานน้ำน้อย จะเสี่ยงเป็นทอนซิล

ภาพของคุณพีทออกแนวอารมณ์ดี?

ก็ไม่นะ ก็มี(เหวี่ยง)บ้าง ผมลืมบอกอีกอย่างว่า ผมนั่งสมาธิทุกวันก่อนนอนและตอนตื่นเช้า ทำให้แจ่มใสนะ จากที่เคยไปบวชเณร ก็เอามาใช้ คือทำสมาธิสักประมาณ 20 นาที ทำเป็นรูทีนเลย และทำให้เรานิ่งขึ้นและรู้สึกสบาย ทั้งตอนตื่น และก่อนนอน คือสมาธิทำให้เราตั้งตัวได้ว่า เราจะทำอะไรหรือทำอะไรมาบ้างในแต่ละวันเราจะพร้อมกับแต่ละวัน เวลามีอะไรเข้ามา attack ทำให้เราอารมณ์ร้อน (สมาธิ)มันทำให้เราเย็นเร็ว ตั้งสติได้เลย ผมทำสมาธิก่อนนอนและตอนตื่นนี่ ทำมาหลายปีแล้วครับ

การทำงานเพลง จะเน้นออกซิงเกิ้ลไปก่อน?

ซิงเกิ้ลนี้ เป็นงานขอบคุณสำหรับแฟนๆ กับอัลบั้มชุดที่แล้วครับ ส่วนงานใหม่น่าจะเป็นกลางปี และออกอัลบั้มปลายปี และน่าจะเป็นเพลงไม่อกหักแล้ว แต่จะมีเพลงสมหวังบ้างล่ะ เพลงสมหวังที่ทำไว้มีตั้งแต่สมัยเป็น วงเดอะพีซ เมคเกอร์ ซึ่งนานมากแล้ว อัลบั้มเดี่ยวชุดที่แล้วก็เพลงไม่สมหวังซะเป็นส่วนใหญ่ งานใหม่จะได้เจอแน่ๆ แต่มีเพลงอกหักด้วยนะ จะจัดให้หนักเลย(หัวเราะ)

นักแต่งเพลงบางคนบอกว่า อารมณ์อกหัก หดหู่ มันแต่งเพลงง่าย?

ผมคิดว่ามันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ชอบเสพความเจ็บปวด ผิดหวัง สังเกตเพลงบนหน้าปัดวิทยุ เพลงผิดหวังจะฮิตกว่าเพลงสมหวัง สังเกตว่า นานๆ จะมีเพลงสมหวังอย่างเพลง “ลูกอม” (ของ วงวัชราวลี) โผล่มา(ฮิต)สักเพลง อะไรแบบนี้ สัดส่วนเพลงผิดหวังกับเพลงสมหวัง(ในตลาดเพลง) มัน 70-30 เลย ความสุขมักจะอยู่กับเราได้สั้น แต่ความทุกข์จะอยู่กับเรานานๆ แต่ผมไม่ได้ทำอัลบั้มเพลงสมหวังทั้งอัลบั้มบอกไว้ก่อน

ดนตรีจะปรับเปลี่ยนยังไง?

ก็ยังคงเป็นพื้นฐานบนกีตาร์โปร่ง และมีวงดนตรีแบ็คอัพอยู่ข้างหลัง จะเป็นโซล เป็นป๊อปมากน้อยอย่างไร ก็ต้องดูกระแสในช่วงนั้นๆ ด้วยว่า คนชอบแนวไหน เราก็จะปรับๆ กันดู

ส่วนตัวชอบแนวไหน?

ตัวตนของผมตั้งแต่เริ่มแรกทำดนตรีเลยก็คือ กีตาร์โปร่ง เพลงผมทุกเพลงถ้าถอดรูทออกมา คือ เป็นเพลงที่เล่นกีตาร์โปร่งคนเดียวก็ยังฟังไพเราะได้ นั่นคือคอนเซ็ปต์ของทีมงานทำเพลงเราด้วย ส่วนจะใส่ดนตรีให้เป็นสีสันยังไงก็ว่ากันไป

เคยคิดจะเปลี่ยนเป็นกีตาร์ไฟฟ้าไหมหรือเล่นแนวดนตรีโซลร็อคไหม?

กีตาร์ไฟฟ้าไม่เคยคิดครับ ส่วนโซลร็อคนี่เคยคุยกับวงแบ็คอัพเหมือนกัน และเวลาเราไปเล่นสดตามผับหรือร้าน หรืองานโชว์ เราก็ต้องเล่นหนัก ใส่กลิ่นร็อคเข้าไปหน่อย เป็นแนวบัลลาดป๊อปร็อค ประมาณแนวของวงบอง โจวี่ นั่นได้อยู่ แต่ไม่ถึงกลับเป็นร็อคโยกหัว ติดตามงานเพลงซิงเกิ้ล หากย้อนเวลากลับไปได้ ซึ่งมี หนังสั้น 15 นาที ให้ได้ติดตามชมกันเริ่ม 17 กุมภาพันธ์ศกนี้ ส่วนคอนเสิร์ตใหญ่รอให้อัลบั้มใหม่เสร็จ น่าจะได้เล่นสักปลายปีครับ