ขนมกรุบกรอบ ควรกินอย่างไร

ขนมกรุบกรอบ ควรกินอย่างไร

ขนมในอดีตจะมีประโยชน์และสารอาหารครบถ้วน แตกต่างกับขนมในปัจจุบันที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลเป็นหลักการเลือกซื้อขนมให้เด็กถือเป็นสิ่งสำคัญ

ผ่านพ้นไปแล้วกับกิจกรรมรื่นเริงของครอบครัว ทั้งงานเลี้ยงต้อนรับปีใหม่และงานวันเด็ก หลายบ้านยังมีขนมกรุบกรอบ คุ้กกี้ ผลไม้กระป๋องและน้ำหวานสารพัดสี หลงเหลือจากกิจกรรมปาร์ตี้ เปิดโอกาสให้เด็กๆ วิ่งเข้าออกห้องครัวหยิบขนมขบเคี้ยวเหล่านั้นมารับประทานมากกว่าอาหารมื้อหลัก

นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ ระบุว่า พ่อแม่ต้องดูแลในเรื่องการรับประทานขนมของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะขนมขบเคี้ยวที่ได้รับแจกมาจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากงานวันเด็กและจากกระเช้าของขวัญของฝากในช่วงเทศกาลปีใหม่

ขนมในอดีตจะมีประโยชน์และสารอาหารครบถ้วน แตกต่างกับขนมในปัจจุบันที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลเป็นหลัก เมื่อกินเข้าไป จะส่งผลเสียต่อระบบโภชนาการของร่างกาย ทำให้เด็กที่บริโภคขนมมากเกินไปขาดสารอาหารที่จำเป็น ต่อการพัฒนาทางร่างกายและสติปัญญา

หากเด็กๆ กินขนมและอาหารหลัก 3 มื้อในปริมาณมากจะทำให้เด็กอ้วน ในทางกลับกันการกินขนมมากแต่กินอาหารหลัก 3 มื้อน้อยจะทำให้เด็กผอม รวมทั้งอาจขาดวิตามิน เกลือแร่ ทำให้ซีด เลือดจางหรือเกิดภาวะขาดสารอาหารโดยความหวาน ทำให้อิ่มและกินอาหารมื้อหลักได้น้อยลง นอกจากส่งผลเสียต่อร่างกายแล้ว อาจส่งผลเสียทางด้านจิตใจ เด็กมักจะมีความก้าวร้าวและมีพัฒนาการที่ช้ากว่าปกติ ถ้าเป็นเด็กที่มีการกินอาหารและฝึกวินัยในการกินที่ดี มักจะเป็นเด็กที่เติบโตอย่างมีคุณภาพ

คุณหมอมีข้อเสนอแนะถึงหลักการเลือกขนมให้บุตรหลานอย่างถูกวิธี เพราะการใส่ใจในการเลือกซื้อขนมให้แก่เด็กก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ ดังนี้

1. การเลือกขนมที่มีพลังงานน้อย

2. สำหรับขนมกรุบกรอบหรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีซองเครื่องปรุงอยู่ จะมีโซเดียมในปริมาณมากเกินไป ทำให้ไตต้องทำงานหนักจะส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว

3. ควรเลือกขนมที่มีสีธรรมชาติ

4. เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบไม่ควรให้กินขนมประเภทลูกอม ลูกกวาด เพราะอาจเป็นอันตราย เด็กอาจจะกลืนทำให้ติดหลอดคอ

5. ไม่ควรเลือกซื้อขนมที่มีน้ำตาลสูงให้เด็ก

6. ไม่ควรซื้อขนมเก็บไว้ในบ้านเป็นจำนวนมากเพราะจะทำให้เด็กรับประทานมากจนเกินไป

พ่อแม่ควรปลูกฝังให้เด็กรับประทานผลไม้แทนขนมหวานและรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ควบคู่กับการออกกำลังกาย เพื่อโภชนาการที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจของเด็กไทยในอนาคต

ส่วนขนมต่างๆ ที่เหลือค้างจากโอกาสพิเศษนั้น ควรจัดเก็บให้พ้นมือเด็ก และทยอยแบ่งรับประทานเป็นอาหารว่างไม่เกินวันละ 2 ครั้ง แต่ละครั้งให้พลังงานไม่เกินร้อยละ 10 ของพลังงานที่ต้องการในแต่ละวัน นั่นคือ เด็กเล็ก 2-5 ปี ไม่เกินมื้อละ 100-130 กิโลแคลอรี วัยเรียน 6-12 ปี ไม่เกินมื้อละ 150 กิโลแคลอรี เด็กวัยรุ่น 13-15 ปี ไม่เกินมื้อละ 200 กิโลแคลอรี หรือเฉลี่ยมื้อละ 100-150 กิโลแคลอรีสำหรับเด็กอายุ 2-15 ปี และควรมีปริมาณพลังงาน น้ำตาล ไขมัน และโซเดียมไม่สูงจนเกินไป

คุณพ่อคุณแม่อย่าปล่อยให้เด็กๆ กินหมดในครั้งเดียว เพราะจะทำให้อ้วน เป็นเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หรือความดันโลหิตสูงได้ ดังนั้น ก่อนกินต้องสังเกตฉลากหวาน มัน เค็ม ด้านหน้าซองขนมด้วยว่าระบุให้แบ่งกินกี่ครั้ง แล้วกินตามนั้น แต่ทางที่ดีลองเปลี่ยนจากขนมกรุบกรอบเป็นผลไม้ หรืออาหารว่างที่มีประโยชน์จะดีกว่า