ฟักข้าว สุดยอดต้านอนุมูลอิสระ

ฟักข้าว สุดยอดต้านอนุมูลอิสระ

ฟักข้าวที่เคยถูกทอดทิ้ง จึงกลับมาเป็นที่รู้จักกันอีก ด้วยมีการค้นพบว่า ฟักข้าวนั้น มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้รับเมล์จากเพื่อนเก่าผู้ใส่ใจดูแลสุขภาพ เล่าว่า มีผู้แนะนำให้ดื่มน้ำฟักข้าว อยากทราบว่า มีประโยชน์มากจริงหรือไม่อย่างไร เพื่อนยังบ่นต่อไปว่า ตอนแรกเห็นสีส้ม นึกว่ารสชาติออกเปรี้ยวเหมือนส้ม พอดื่มแล้ว รู้สึกว่าไม่มีเปรี้ยวเลย รสปร่าๆ เหมือนน้ำล้างหัวล้าน ไม่อร่อยดังคาด

รสชาติของน้ำฟักข้าวจะเป็นดังที่เพื่อนเปรียบเทียบหรือไม่ ผมคงบอกไม่ได้ ด้วยไม่เคยชิมน้ำล้างศรีษะอย่างนั้น แต่เรื่องคุณประโยชน์ คงพอเล่าสู่กันฟังได้ อีกทั้งที่บ้าน ก็ปลูกฟักข้าว เก็บยอดเก็บผลกินมาหลายปี ประสบการณ์ตรงนี้น่าจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง

ฟักข้าว เป็นพืชพื้นบ้านดั้งเดิมของไทย ในสมัยก่อนอาจพบฟักข้าวขึ้นเองตามที่รกร้าง คล้ายเป็นวัชพืช คนแต่ก่อนรู้จักฟักข้าวในฐานะที่เป็นผัก กินยอดและผลอ่อน เพียงแค่นั้น

มาในระยะ 4-5 ปีมานี้การสร้างเสริมสุขภาพด้วยพืชผักสมุนไพรเป็นที่นิยม ฟักข้าวที่เคยถูกทอดทิ้ง จึงกลับมาเป็นที่รู้จักกันอีก ด้วยมีการค้นพบว่า ฟักข้าวนั้น มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น ไลโคปีน เบต้าแคโรทีน และ วิตามินอี ทั้งยังมีความเข้มข้นของสารเหล่านี้ในผลฟักข้าวที่สุกแดง มากกว่าพืชผักอื่นๆอีกด้วย

ฟักข้าว เป็นไม้เลื้อย จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับตำลึง บวบ มะระ และฟักทอง ลำต้นเป็นเถาเหลี่ยม มีอายุได้หลายปี มือเกาะม้วนเป็นเกลียว ใบเป็นใบเดี่ยวขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ ขอบใบมีสองแบบ อาจเป็นแบบเรียบหรือหยักเว้าลึกก็ได้ ดอกคล้ายดอกตำลึงแต่ใหญ่กว่าเล็กน้อย สีขาวแกมเหลือง ตรงกลางมีสีน้ำตาลแกมม่วง แยกเพศผู้และเพศเมียคนละดอก และคนละต้น ดอกเพศเมียเท่านั้นที่จะเจริญเป็นผลได้ ผลฟักข้าวอ่อน มีสีเขียว มีหนามเล็กสั้น อ่อนนุ่ม ปกคลุมทั่วทั้งผล เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้ม จนกระทั่งแดง มีขนาดประมาณผลส้มเกลี้ยงหรือใหญ่กว่าเล็กน้อย และหนามก็แข็งขึ้นด้วย แต่ก็ยังสามารถจับถือได้ โดยไม่ตำมือ เมล็ดขนาดเท่าเหรียญบาทเล็กนั้น แบน กลมรีมีขอบเป็นหลายเหลี่ยม

การปลูกฟักข้าว ทำได้ง่ายโดยใช้เมล็ดหรือเถาแก่ และควรทำค้างที่สูงพอเหมาะสำหรับการเก็บเกี่ยวให้เถาฟักข้าวเลื้อย ไม่ควรปล่อยให้เลื้อยพันไปกับสิ่งอื่นอย่างไร้ทิศทาง ฟักข้าวชอบแดด ชอบน้ำ และทนต่อศัตรูพืช ปลูกครั้งเดียว เก็บยอดเก็บผลกินไปได้นานหลายปี ยอดอ่อนลวก หรือนึ่งกินกับน้ำพริก ผัดน้ำมัน

ผล ถ้ายังอ่อน เลือกที่เป็นสีเขียว ปอกเปลือกออก ทั้งเนื้อและเมล็ดอ่อนที่ยังนิ่ม ทำเป็นแกงส้มอร่อยนัก ถ้าเริ่มเหลืองหมายความว่าเริ่มขม กินไม่อร่อย ส่วนผลแก่ ต้องปล่อยให้แก่จัดเป็นสีแดงเลือดนก ถ้าแค่สีเหลืองยังไม่แก่จัด ส่วนที่กินได้คือเนื้อผล ซึ่งตอนนี้ไม่ขมแล้ว และเยื่อหุ้มเมล็ด เอาช้อนขูดหรือตักเนื้อออกมา ส่วนเยื่อหุ้มเมล็ดก็เอามือบีบออก ถ้ามีกระชอนที่สานด้วยตอกไม้ไผ่ ใช้เมล็ดสีกับกระชอนลอกเยื่อออกได้เหมาะทีเดียว

เยื่อหุ้มเมล็ด ชาวเวียดนามนิยมใช้แต่งสีข้าวเหนียวในงานมงคล ส่วนคนไทยสมัยใหม่ เอาไปทำน้ำฟักข้าว โดยใช้เยื่อนี้ผสมกับเนื้อผลสุก ผสมน้ำ ปั่นรวมกัน ได้น้ำฟักข้าว ซึ่งไม่มีรสชาติที่น่าประทับใจอะไร ถ้าจะให้กินได้อร่อย จึงมักปรุงแต่งด้วยน้ำผลไม้อื่นเช่น มะนาว เสาวรส ส้ม โดยไม่ลืมเติมเกลือและน้ำตาลเล็กน้อย

ในทางภูมิปัญญาพื้นบ้าน ฟักข้าวมีบทบาทเป็นเป็นผักพื้นบ้าน มากกว่าพืชสมุนไพร การค้นพบว่าฟักข้าวมีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการส่งเสริมการเพาะปลูกและบริโภคพืชพันธุ์พื้นบ้านนี้ รวมถึงพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อส่งเสริมสุขภาพอย่างอื่นๆต่อไปในอนาคตได้

มาถึงบทสุดท้ายที่ว่า การดื่มน้ำฟักข้าวนั้นมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหนอย่างไร ดังที่บางคนอาจเชื่อมโยงฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระนี้ กับการรักษาโรคมะเร็ง ชะลอความชรา ทำให้ผิวหนังอ่อนนุ่ม ดูอ่อนกว่าวัย หรืออะไรก็ตาม ล้วนยังเป็นจินตนาการทั้งสิ้น แต่ตราบใดที่การบริโภคฟักข้าวยังมีคุณมากกว่าโทษ และตราบใดที่ยังไม่มีวิธีการรักษาหรือหยุดยั้งโรคมะเร็งให้หายขาดได้ ยังไม่มีวิธีการใดที่รับประกันได้ว่าจะทำให้อายุยืนยาวอย่างแท้จริง การดื่มน้ำฟักข้าว ซึ่งเป็นผักพื้นบ้านของไทยก็ควรต้องส่งเสริม

คนเราใช้ความคิด เชื่อมโยงสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่ง หรืออีกหลายสิ่ง เป็นจินตนาการอันไม่สิ้นสุด เป็นความฝัน ความหวัง และเป็นจุดเริ่มต้นของทั้งความเจริญและความเสื่อม เกิดเป็นผลลัพท์หรือข้อสรุปที่แม้ว่าดูเสมือนจริงมากๆ แต่ก็ยังไม่ใช่ความจริง ดังเช่นน้ำล้างศรีษะที่เพื่อนผมเปรียบเทียบ ท่านทั้งหลายคงพอนึกได้ว่าเป็นรสชาติประมาณไหน ทั้งที่คงไม่มีใครได้ชิมน้ำที่ว่านั้นมาเลยสักคน