พม.เร่งหาทางรับมือ 'คนเร่ร่อนต่างชาติ'พุ่ง

"เราไม่สามารถช่วยได้เต็มที่ เพราะบ้านมิตรไมตรีไม่ได้รองรับคนต่างชาติ ซึ่งถ้าเจ้าหน้าที่ให้ที่พักพิง ก็จะถือว่าเป็นผู้กระทำการขัดกฎระเบียบ"
ในปัจจุบันปัญหาผู้ใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะในประเทศไทย โดยเฉพาะเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานครและเมืองท่องเที่ยวต่างๆ จะพบเห็นผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะเป็นจำนวนมากและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยมูลนิธิอิสรชนได้ทำการสำรวจผู้คนที่ใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะนอกจากคนไทย คนไร้สถานะที่ใช้ถนนเป็นบ้าน ทว่ายังมีชาวต่างชาติที่มาตกทุกข์ในประเทศไทยกลายเป็นคนใช้พื้นที่สาธารณะร่วมด้วย จึงนำไปสู่การเร่งกำหนดนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
นายนที สรวารี เลขาธิการมูลนิธิอิสรชน เผยถึงผลสำรวจผู้ที่ใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะในประเทศไทยพบว่ามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจากหลายปัจจัย ทั้งจากคนที่ตกค้างจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง และคนป่วยทางจิต รวมถึงคนป่วยความจำเสื่อมที่หลงออกมาเร่ร่อนตามท้องถนน ซึ่งมีสูงถึง 45% ของจำนวนผู้ใช้พื้นที่สาธารณะทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 2 หมื่นคนทั่วประเทศ และเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครอีกว่า 2,800 คน และที่เพิ่มเข้ามาที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น คือผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะชาวต่างชาติตามเมืองท่องเที่ยว อย่างพัทยา ชลบุรี ภูเก็ต และเชียงใหม่
"ก่อนหน้านี้ปัญหาต่างชาติที่ตกเป็นคนใช้พื้นที่สาธารณะไม่ได้ถูกโฟกัส แต่วันนี้แนวโน้มมีเพิ่มมากขึ้น เพราะประเทศไทยจะเป็นประชาคมอาเซียน ดังนั้น สิ่งที่เราต้องเตรียมคือต้องดูแลประชากรอาเซียนที่อยู่ในประเทศไทย ก็ต้องมีการปรับตัว ในเรื่องของกฎหมาย และนโยบาย เพราะนอกจากเราจะช่วยเหลือแต่คนไทยด้วยกันเท่านั้น แต่ต่อไปต้องมองเผื่อปัญหาของคนนอกที่จะเข้ามาอยู่ในไทยด้วย" นายนทีกล่าว
ด้าน นางงามจิต แต้สุวรรณ หัวหน้าบ้านมิตรไมตรี กรุงเทพมหานคร พม.เล่าว่า สถานการณ์ชาวต่างชาติตกทุกข์และต้องกลายเป็นคนเร่ร่อน มีมาตั้งแต่ปี 2553 แล้ว หลังจากเหตุการณ์ทางการเมือง โดยมีชาวต่างชาติเป็นชาวออสเตรเลีย ที่อยู่ในเหตุการณ์และโดนลูกหลง ซึ่งตอนนั้นรัฐบาลช่วยเยียวยาทั้งหมด แต่ระหว่างรอเยียวยาเขาไม่มีที่พัก แต่เขามีหลักฐานทั้งหมด เพียงแต่ไม่มีเงินซื้อตั๋วกลับบ้าน ทางกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ก็ต้องเข้าไปดูแล ซึ่งเป็นที่มาที่ชาวต่างชาติกลุ่มนั้นต้องมาพักที่บ้านมิตรไมตรี เพราะเขาไม่สามารถไปพักในสถานสงเคราะห์ได้ เนื่องจากไม่ใช่สถานสงเคราะห์ชาวต่างชาติ
หลังจากนั้นสถานทูตออสเตรเลียก็ให้ประสานความช่วยเหลือ ทำให้พบว่ามีชาวต่างชาติที่เร่ร่อนจริงๆ เนื่องจากถูกล้วงกระเป๋า หมดตัว จึงโทรมาขอความอนุเคราะห์เพราะเห็นว่าเราเคยช่วยเหลือ จึงได้ปรึกษากับผู้บริหาร ก็ให้รับการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม โดยมีการเช็คประวัติบุคคลอาชญากรรมกับทางสถานทูตก่อน จึงจะให้ที่พักพิงชั่วคราวระหว่างรอการให้ความช่วยเหลือ
เธอเล่าอีกว่า ชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในเมืองใหญ่ๆ ที่ตกระกำลำบาก มีหลากรูปแบบ ล่าสุดที่บ้านมิตรไมตรีเพิ่งให้ความช่วยเหลือ คือชาวอเมริกัน ซื้อตั๋วมาแบบเที่ยวเดียว และหอบเงินมากับตัว 4 ล้านบาท เพื่อมาอยู่กินกับสาวไทย แต่เมื่ออยู่กินกันสักพัก ถูกสาวไทยหลอกจนหมดตัว จึงเดินทางไปอยู่ จ.ภูเก็ต โดยคนภูเก็ตสงสารจึงให้อยู่ที่บ้านด้วย แต่ชาวอเมริกันคนนั้นสูบบุหรี่จัดและมีอาการป่วย เขาจึงติดต่อมาที่บานมิตรไมตรี แต่เราไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ เพราะไม่มีอำนาจและกฎหมายรองรับ จึงติดต่อสถานทูตของสหรัฐอเมริกาว่ากรณีอย่างนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร
"ทางสถานทูตแนะนำว่าการให้ความช่วยเหลือคนประเทศเขา ต้องดูตามภาษีที่แต่ละคนมี ทางสถานทูตก็ไม่สามารถสนับสนุนเรื่องที่พักต่างๆ ได้ ทางบ้านมิตรไมตรีจึงจำเป็นต้องรับชาวอเมริกันไว้ดูแลชั่วคราวก่อน และล่าสุดก็มีชาวแคนนาดา เข้ามาของความช่วยเหลือ จึงคิดว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้ว เราต้องมีกลไกอะไรมากกว่าการให้ความช่วยเหลือ และต้องกำหนดเป็นมาตรการที่ชัดเจน"นางงามจิตกล่าว
ขณะที่ นางรุ่งนภา ทองรักน้อย หัวหน้าบ้านมิตรไมตรีชลบุรี บอกว่าจากการทำงานร่วมกับมูลนิธิอิสระชนและเอ็นจีโอในพื้นที่ จ.ชลบุรีพบว่าขณะนี้ในพื้นที่พัทยาและชลบุรี มีชาวต่างชาติที่ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่สาธารณะประมาณ 14 - 15 คนที่มีการติดต่อพูดคุยและที่บ้านมิตรไมตรีให้ความช่วยเหลือเรื่องของอาหารและยารักษาโรค แต่เราไม่สามารถให้ที่พักได้ เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายใดรองรับชาวต่างชาติที่เร่ร่อนกลุ่มนี้ แต่จะรู้เพียงว่าแต่ละคนนั้นประสบปัญหาอะไรมาจึงมาตกทุกข์อยู่ในพื้นที่สาธารณะ
ซึ่งก็พบว่าบางคนถูกล้วงกระเป๋า บางส่วนถูกสาวคนไทยหลอกจนหมดตัว และบางคนพาสปอร์ตหมดอายุ จึงไม่สามารถไปเช่าที่พักได้ และต้องอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ เนื่องจากกลัวถูกจับและส่งกลับประเทศ นอกจากนี้บางคนมีโรคสุราเรื้อรัง ได้เงินจากบำนาญของประเทศตัวเองแล้วใช้จ่ายไปกับการดื่มแอลกอฮอล์และพอใจที่จะนอนข้างถนน
"เราไม่สามารถช่วยได้เต็มที่เพราะบ้านมิตรไมตรีไม่ได้รองรับคนต่างชาติ ซึ่งถ้าเจ้าหน้าที่ให้ที่พักพิงก็จะถือว่าเป็นผู้กระทำการขัดกฎระเบียบ และอาจจะถูกดำเนินคดี เพราะคนต่างชาติที่เร่ร่อนนั้น ส่วนหนึ่งคือพาสปอร์ตหมดอายุ กลายเป็นคนที่อยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย แต่สิ่งที่ทำได้ตามมนุษยธรรมนั้น คือ ช่วยเหลือด้านอาหารและยารักษาโรค แต่เขาต้องใช้ชีวิตริมถนน หรือริมชายหาดเหมือนเดิม" นางรุ่งนภากล่าว
ส่วนนี้เป็นอุปสรรคของการให้ความช่วยเหลือ และเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งหากเราแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวมาดำเนินการ เพื่อผลักดันกลับประเทศ ก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ชาวต่างชาติที่ตกทุกข์ต้องการ เพราะบางคนไม่มีครอบครัวที่บ้านเกิดแล้ว และบางคนไม่ใช่คนที่สามารถเอาตัวรอดได้ในประเทศของตัวเอง
น.ส.สุนันทา แก้วเมืองเพช ศูนย์พักพิงเพื่อนใจ Shelter Center (พัทยา) บอกว่าแนวโน้มคนกลุ่มนี้มีเพิ่มมากขึ้น และหน่วยงานราชการไทยไม่สามารถให้ความช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างเต็มทีเพราะไม่มีอำนาจเพียงพอ ทำให้ตนคิดว่าทำอย่างไรที่พอจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้ เพราะชาวต่างชาติที่มาตกทุกข์ในประเทศไทย เดิมก็คือนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย และเจอปัญหาต่างๆ จนต้องกลายมาเป็นคนหมดตัว จึงตั้งศูนย์พักพิงเพื่อนใจ ซึ่งดูแลเฉพาะชาวต่างชาติที่ตกยากเข้ามาใช้บริการ อาบน้ำ ซักผ้า และทำธุระส่วนตัว เพราะบางคนไม่มีเงิน จึงคิดว่าศูนย์นี้จะเป็นศูนย์กลางให้ความช่วยเหลือเข้ามาใช้บริการฟรี







