ความน่ากลัว ของความเคยชิน

ความน่ากลัว ของความเคยชิน

ในโลกนี้ ไม่มีอะไรน่ากลัวกว่า ความเคยชิน และก็ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่า ความเคยชิน อีกแล้ว


ในโลกนี้ ไม่มีอะไรน่ากลัวกว่า ความเคยชิน และก็ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่า ความเคยชิน อีกแล้ว ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่า ความเคยชินเป็นเรื่องดีหรือไม่ แต่ประเด็นคือ ความเคยชินของเราคืออะไร


ถ้าเราอยากมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ การสร้างความเคยชินแบบที่คนประสบความสำเร็จเขามีกัน เช่น นิสัยหนักเอาเบาสู้ นิสัยของการทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ตรงตามเวลาที่กำหนดนิสัยของการไม่นอนตื่นสาย ไม่อายทำกิน ฯลฯ และอีกสารพัดที่ดูเหมือนเป็นสิ่งเชยๆ แต่คนในโลกล่วงหน้าเราไปก่อนนี้ก็ทำกันจนประสบความสำเร็จไปแล้วมากมาย


ในทางตรงกันข้าม หากเราจะกลายเป็นคนล้มเหลว สิ่งที่จะการันตีได้ง่ายที่สุดและเร็วที่สุดก็คือ การมีความเคยชินแบบที่คนล้มเหลวทั้งหลายมีกัน สิ่งนี้อาจจะรวม การดื่มเหล้าทุกนาทีที่ตื่น การปล่อยงานทุกชิ้นไว้แบบดินพอกหางหมู ไม่นาทีสุดท้ายไม่ทำ การไม่เคยวางแผนชีวิตล่วงหน้า อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้เกิด การใช้ชีวิตสบายปล่อยให้ความขี้เกียจนำทางชีวิตตัวเอง การไม่กระตือรือร้นในเรื่องใดๆก็ตาม รวมถึงการเล่นการพนัน การไล่ตามซื้อ Gadget ใหม่ๆ ที่ออกมาในตลาด โดยไม่เคยดูว่า การเงินของตัวเองดีพอจะรองรับการบริโภคแบบเต็มเหนี่ยวหรือไม่


ประเด็นสำคัญ คือ ไม่ว่าเราจะกลายเป็นอะไรก็ตาม เราจะกลายเป็น ในสิ่งที่เราสร้างความเคยชินขึ้นมา ความสำเร็จ ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน ความล้มเหลวก็เช่นกันมันเป็นการสั่งสมของพฤติกรรมที่เราทำซ้ำๆ
ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลายาวนาน จนกว่าที่มันจะส่งผลออกมาเป็นรูปธรรม

ว่าไปแล้ว การสร้างความเคยชิน หรือ นิสัย เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของคนๆ หนึ่งเลยทีเดียว ลองนึกดูสิคะ ทำไมทุกเช้าเราตื่นขึ้นมาแล้วแปรงฟันได้ ทุกเช้า ทุกเช้าตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเรา และสงสัยว่า เราก็จะทำแบบนี้ไปตลอดชีวิตที่เหลือของเราด้วย เหตุผลง่ายๆ เลยคือ การแปรงฟันเป็นสิ่งที่ดี ที่เราสมควรจะต้องทำ แม้เราจะไม่อยากและขี้เกียจทำมันก็ตาม แต่ในที่สุดแล้ว เราก็สร้างนิสัยในการที่จะทำสิ่งนี้เป็นประจำ จนกลายเป็นลักษณะอัตโนมัติ เราตื่นขึ้นมา เราทำสิ่งนั้นไปเลยโดย “ไม่ต้องคิด”?

การที่เราจะมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จและมีความสุขได้ ก็หลักการเดียวกับการบังคับตัวเองให้แปรงฟันนั่นเอง คือ ลงมือทำในนิสัยที่จำเป็นต่อความสำเร็จโดยอัตโนมัติ ยกตัวอย่าง หากเรารู้สึกว่า ตัวเราอ้วนเกินไปเสียแล้ว และหากไม่ลดน้ำหนักลง เราจะต้องเริ่มมีโรคประจำตัวที่อันตรายต่อชีวิตในเวลาไม่ช้า การที่เราจะต้องลุกขึ้นมาตัดสินใจทุกวันว่า วันนี้จะออกกำลังหรือไม่ออกกำลัง วันนี้จะทานอาหารสุขภาพหรือไม่ เป็นการทำให้เรื่องที่ควรจะง่ายกลายเป็นเรื่องยาก ทำให้เรื่องที่ควรต้องตัดสินใจครัั้งเดียว

วิธีที่ดีที่สุดกรณีนี้ก็คือ นั่งลงแล้วตั้งสติ ลิสต์ของข้อดี ข้อเสีย และราคาที่เราต้องจ่ายในการเริ่มต้นลดความอ้วน จัดระเบียบอาหาร และบังคับตัวเองให้ออกกำลังกายอย่างจริงจัง ฯลฯ และบอกตัวเองว่า ฉันจะตัดสินใจหนเดียว แต่หลังจากนี้จะลงมือทำทุกวัน เมื่อถึงเวลาออกกำลังกายที่กำหนดไว้แล้วของทุกวัน จะไม่มีการเถียงกับตัวเองอีก ว่าวันนี้ไปไม่ไป ทำไม่ทำ แต่ให้เราเอาชุดออกกำลังวางไว้เลย เมื่อถึงเวลาให้เปลี่ยนชุดแล้วไปเลย ไม่ต้องคิด เพราะถ้าคิดก็จะเกิดการเถียงขึ้นอยู่ร่ำไป

วิธีที่มีการบันทึกไว้ว่าได้ผลมากสำหรับคนชอบหาข้ออ้างในการไม่ออกกำลังกายก็คือ หากคิดจะออกกำลังกายตอนเช้า ให้เอาชุดออกกำลังกายวางไว้ข้างเตียงตั้งแต่ก่อนนอน เมื่อตื่นมาขณะยังงัวเงีย ไม่ต้องคิดอะไรใดๆ ทั้งสิ้น ให้ใส่ชุดออกกำลังแล้วไป ณ? จุดออกกำลังแล้วเริ่มออกกำลัง กว่าสมองจะคิดได้ว่าไม่น่ามาออกเลย ขี้เกียจจัง เราก็ออกกำลังไปแล้วไม่ต่ำกว่า 15 นาที ซึ่งเป็นช่วงที่เครื่องกำลังติด เราเริ่มสนุกสามารถออกกำลังได้จนจบเซ็ต ทำแบบนี้จนชินและเป็นนิสัย เราก็จะผอมได้ในเวลาไม่นานแถมสุขภาพร่างกายแข็งแรงด้วย

สำหรับเรื่องเรียนหรือทำงานก็เช่นกัน หลายคนรอให้มีอารมณ์เขียนรายงาน รอโอกาส รอจังหวะ แต่จริงๆ แล้วเราไม่ควรรอ ตัดสินใจเลือกไปเลยว่า เวลาไหนเหมาะจะทำงานที่สุด แล้วพอถึงเวลา ก็นั่งลงทำงาน หรือ ท่องหนังสือ หรือ โทรหาลูกค้า แรกๆเราจะฝืนใจมาก แต่เคล็ดลับก็คือ ฝืนไปเรื่อยๆ จนชิน เมื่อชินก็จะเป็นนิสัยคนที่ประสบความสำเร็จก็เป็นเช่นนี้เอง มีนิสัยอัตโนมัติที่เอื้อต่อความสำเร็จ ที่ต้องทำซ้ำๆ กันไปเรื่อยๆ และในที่สุดผลจะมาเองโดยเราไม่ต้องร้องขอ