สำรวจปะการัง'เกาะพีพี'อ่วมสุด

"อุทยาน"เปิดผลสำรวจปะการัง 7 อุทยานอันดามันยังวิกฤติ "หมู่เกาะพีพี"อ่วมสุด เข้าเกณฑ์เสื่อมโทรม
จากปรากฎการณ์อุณหภูมิผิวน้ำทะเลร้อนขึ้น และส่งผลทำให้เกิดปะการังฟอกขาวเสียหายและตายอย่างรุนแรงในช่วงปี 2553-2554 จนกระทั่งทาง กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ยอมประกาศปิดจุดดำน้ำอย่างน้อย 10 จุดในอุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย เพื่อลดกระทบจากกิจกรรมดำน้ำที่อาจก่อความเสียหายต่อแนวปะการังเพิ่มขึ้นนั้น
ประชุมวิชาการด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ประจำปี 2556 จัดโดยกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ระหว่างวันที่ 10-12 ก.ค.นี้ นายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นที่คุ้มครอง กรมอุทยานแห่งชาติฯ เผยผลสำรวจสถานภาพปะการังหลังเกิดปรากฎการณ์ฟอกขาว ซึ่งทีมนักวิจัยของสถาบันใน จ.ตรัง ภูเก็ตและชุมพร ลงสำรวจข้อมูลระหว่างปี 2552-2556 ครอบคลุม 7 อุทยานทางทะเล จำนวน 36 สถานี ได้แก่ กลุ่มอันดามันตอนบน คืออุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ 10 สถานี อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา 6 สถานี ส่วนอันดามันตอนล่าง คืออุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระ บี่ 6 สถานี อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ 3 สถานี อุทยานแหงชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง 2 สถานี และอุทยานแห่งชาติตะรุเตา 6 สถานี ทำให้พบว่าในภาพรวมปะการังมีการฟื้นตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่ยังพบว่าปะการังในแปลงปลูกในหมู่เกาะชุมพร จ.ชุมพร ตายเกือบทั้งหมด และยังไม่สามารถฟื้นตัว
"ที่น่าเป็นห่วงมากสุดคือปะการังในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ซึ่งเกิดการฟอกขาวสูงถึง 70% และมีปะการังตายเฉลี่ย 47.52% หรือคิดเป็น73% ของแนวปะการัง จนทำให้สถานภาพที่เคยจัดอยู่ในระดับสมบูรณ์ดีก่อนฟอกขาว มาเป็นระดับเสื่อมโทรมแล้ว อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ฟอกขาวยังส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบสังคมปะการังแข็งที่เคยพบในบริเวณนี้ จากเดิมเคยมีองค์ประกอบของปะการังกลุ่มเขากวางรูปทรงกิ่งและรูปทรงโต๊ะที่เป็นชนิดเด่นหนาแน่นในบริเวณเกาะยูงเกาะไม่ไผ่ หินกลาง แต่หลังการฟอกขาวพบมีปะการังโขด ปะการังผิวยู่ยี่ ปะการังถ้วยสมอง ปะการังดอกเห็ดเข้ามาแทนที่"นายทรงธรรม กล่าว
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมฯ กล่าวอีกว่า ขณะที่สถานภาพแนวปะการังหมู่เกาะสุรินทร์ พื้นที่ปกคลุมของปะการังมีชีวิตลดลง 70-90% รวมทั้งเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างแนวปะการังและความหลากหลายทางชีวภาพลดลง โดยบริเวณจุดหินกอง ตอรินลา อ่าวแม่ยาย เกาะมังกร เกาะสตอร์ค และอ่าวแม่ยาย ที่เคยมีปะการังเขากวางเป็นองค์ประกอบหลัก และพบกลุ่มปะการังโขด ปะการังดาวใหญ่ รวมทั้งพบกลุ่มสิ่งมีชีวิตอื่นๆขึ้นปกคลุม เช่น สาหร่ายเส้นสาย พรมทะเล แต่ก็ยังพบมีตัวอ่อนปะการัง 34 ชนิด อาทิปะการังเขากวาง ปะการังช่อเหลี่ยม ดอกเห็ด ในบริเวณอ่าวสุเทพและอ่าวไม้งาม ซึ่งมีความหนาแน่นเฉลี่ย0.66-3.98 โคโลนีต่อตารางเมตร
นายทรงธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนที่หมู่เกาะสิมิลัน พื้นที่ปกคลุมปะการังมีชี วิต ลดลง 40-50% และมีความเสื่อมโทรม ทั้งนี้แม้ว่าบริเวณอีสต์ออฟอีเด็น และอ่าวไฟแวป จะพบการลงเกาะของปะการังอ่อนหนาแน่นเฉลี่ย 0.12-0.68 โคโลนีต่อตารางเมตร แต่ยังต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว เช่นเดียวกับปะการังที่เกาะเชือก และเกาะกระดาน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ที่เกิดการฟอกขาวของปะการังทุกสกุลถึง 80% และปัจจุบันพบปะการังมีชีวิตครอบคลุมพื้นที่เพียง17% ทำให้อยู่ในสถานภาพเสื่อมโทรมมาก ส่วนที่หมู่เกาะชุมพร พบว่าปะการังเขากวางในแปลงปลูกทดลองที่ฟอกขาวตาย 70-80% ของพื้นที่ และปัจจุบันยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เลย ส่วนปะการังธรรมชาติที่ส่วนใหญ่เป็นปะการังสมอง ปะการังโขด ดอกเห็ด ก่อนหน้านี้ฟอกขาวตาย 5-20% แต่ขณะนี้ฟื้นตัวเกือบ100%







