ห่วงขยะอิเล็กทรอนิกส์พุ่ง!แห่โละทีวีเก่า

ทีวีเก่าโละทิ้ง 2 ล้านเครื่องต่อปี ชี้คอนโดบ้านผุดเพิ่มแห่ซื้อจอรุ่นใหม่ 4.9 ล้านเครื่อง คพ.ห่วงขยะอิเล็กทรอนิกส์พุ่ง
หลังจากที่ประเทศไทย โดย คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เตรียมปรับเปลี่ยนระบบการส่งสัญญาณทีวีแบบอนาล็อก มาสู่ระบบการส่งสัญญาณที่เรียกว่าดิจิตอลอย่างช้าภายในสิ้นปี 2556 ซึ่งการคาดการณ์แนวโน้มว่าอาจจะส่งผลให้เกิดขยะทีวีรุ่นเก่าปริมาณมหาศาลจากการเปลี่ยนรุ่นทีวีของผู้บริโภคเพื่อรองรับกับระบบดิจิทัลนั้น
นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ(คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยถึงสถานการณ์ขยะอิเล็กทรอนิกส์ในภาพรวมของไทย ว่า จากการเก็บสถิติย้อนหลังในช่วงปี 2550-2555 พบว่าแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 12 ต่อปี
โดยกลุ่มขยะอิเล็กทรอนิกส์จะครอบคลุมทั้งโทรทัศน์ (ทีวี) โทรศัพท์ ตู้เย็น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โน้ตบุ๊ค เครื่องปรับอากาศ หลอดฟลูออเรสเซนต์ แบตเตอรี่ กล้องถ่ายภาพ โทรศัพท์บ้าน เครื่องพิมพ์ เป็นต้น แต่หากนำไปรวมกับปริมาณขยะของเสียอันตรายชุมชน เช่น หลอดไฟ ถ่านไฟฉาย น้ำมันเครื่อง ก็พบว่ามีปริมาณเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยปี 2555 มีปริมาณ 153,917 ตัน ดังนั้นจึงมีปริมาณขยะ ทั้ง 2 ประเภทรวมกันถึง 513,631 ตัน
ปัจจุบันระบบการจัดการซากขยะเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยังไม่มีการดำเนินการที่เป็นระบบ ทุกวันนี้จากข้อมูลที่ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาสำรวจข้อมูล พบว่าเฉพาะซากขยะอิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น 390,000 ตัน แต่ในจำนวนนี้มีซากที่มีมูลค่าทั้งโทรทัศน์ มือถือ เครื่องเล่นเสียง คอมพิวเตอร์ ที่มีมูลค่าคิดเป็นขยะ 330,500 ตัน
ขณะที่ผลสำรวจยังชี้ว่าการจัดการขยะเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของประชาชน ที่ไม่มีมูลค่าทิ้งปะปนกับขยะทั่วไปโดยเฉพาะกลุ่มหลอดไฟ พบว่า มีเอกชน 2 แห่ง คือ บริษัทฟิลิปส์และโตชิบาที่เก็บบางส่วนไปกำจัดได้แค่ 60 ตันต่อปี นอกจากนี้ยังมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวบรวมไปเพียงปีละ 80 ตันเท่านั้น ถือว่าน้อยมาก ส่วนที่เหลืออีก 54,000 ตัน ถูกทิ้งปะปนกับขยะทั่วไป
ส่วนซากที่มีมูลค่านั้น ปรากฏว่าจะเก็บไว้ประมาณ 87,000 ตัน หรือราว 25% ให้ผู้อื่นหรือ 26,000 ตัน หรือ 7.84% นอกจากนี้ ขายให้กับร้านของเก่า 172,000 ตันหรือราว 44% แต่ที่เหลืออีก 50,000 ตัน จะทิ้งกับขยะทั่วไป
ขยะอิเล็กทรอนิกส์พุ่งเฉียด 3.9 แสนตัน
ในจำนวนขยะที่ขายให้กับร้านขายของเก่า 172,000 ตัน ยังมีการนำมารีไซเคิลเพียง 144,800 ตัน และส่งไปต่างประเทศอีก 27,000 ตัน โดยมีการกำจัดถูกต้องเพียง 6,000 ตัน และกำจัดไม่ถูก 20,000 ตัน ซึ่งหมายความว่าขยะเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหนบ้าง
ขณะที่ คพ. ยังได้จำแนกชนิดสินค้าประเภทของเสียอันตรายจากผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ พบว่า ทีวีรุ่นเก่าประเภทอนาล็อก หรือ (CRT) จะมีสารโลหะหนักกลุ่มตะกั่วในกรวยด้านหลังจอภาพและในแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนจอแอลซีดี จะมีปรอทในหลอดไฟที่ให้ความสว่างกับภาพ
ขณะที่ตู้เย็นจะมีสารทำความเย็นและฉนวนจากโฟมที่มีสารทำลายชั้นโอโซน ส่วนกลุ่มโทรศัพท์มือถือ จะมีโครเมียมเป็นส่วนประกอบในฝาครอบและแผงวงจรและนิกเกิล แคดเมียมในแบตเตอรี่ เป็นต้น ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าส่วนใหญ่คนรับซื้อของเก่ามักจะถอดเอาของที่มีมูลค่าออก
ขยะทีวีเก่าทิ้งราว 2 ล้านเครื่องต่อปี
นายวิเชียร กล่าวอีกว่า ส่วนขยะทีวีเก่าถูกทิ้งออกมาปีละ 2 ล้านเครื่องคิดปริมาณขยะทีวีราว 50,000 ตันต่อปี จากการสำรวจอัตราข้อมูลการถือครองผลิตภัณฑ์และอายุเฉลี่ย ทีวีรุ่นเก่าอยู่ราว 25 ล้านเครื่อง หรือคิดเป็น 85% โดยเฉลี่ยจำนวนเครื่องต่อครัวเรือน 1.45 เครื่อง และมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 7 ปี โดยเฉพาะครัวเรือนในชนบทยังใช้ทีวีรุ่นเก่าเป็นส่วนใหญ่
แต่อย่างไรก็ตาม แนวโน้มจะมีทีวีขยะทีวีที่หมดอายุเพิ่มขึ้นอีกปีละ 100,000 เครื่องหรือ 5% ซึ่งตรงกับข้อมูลการสำรวจแนวโน้มการบริโภคทีวีของคนไทยที่มีสูงถึง 4.9 ล้านเครื่องในปี 2553 คิดเป็นอัตราสูงกว่าเท่าตัวจากทีวีเก่าที่ถูกทิ้งปีละประมาณ 2 ล้านเครื่องทั้งนี้การซื้อทีวีรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นจากสัดส่วนของบ้านพัก และคอนโดที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน เฉลี่ยทุกยูนิตที่มักจะซื้อทีวีรุ่นใหม่เฉลี่ย 1- 2 เครื่อง
ชี้ กสทช. ต้องวางมาตรการ
"เบื้องต้นเราเตรียมหารือกับทาง กสทช. ซึ่งมีแนวคิดในการทำกล่องแปลงสัญญาณเพื่อยืดอายุการใช้งานของทีวี และลดขยะทีวีรุ่นเก่าที่จะถูกทิ้งออกมาหากต้องเปลี่ยนไปใช้สัญญาณดิจิทัลโดยไม่มีมาตรการรองรับ เนื่องจากระบบเครื่องเก่าไม่รองรับสัญญาณแบบทีวีรุ่นใหม่ที่ออกสู่ท้องตลาดที่มักจะเป็นแบบจอแอลซีดี และแบบพลาสมา เป็นต้น
นอกจากนี้ในระยะสั้นจะส่งเสริมการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะทีวีรุ่นเก่าแบบซีอาร์ที จะยกเลิกการผลิตแล้วในไทย รวมทั้งการทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าในอนาคตต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเพื่อควบคุมการนำเข้าสินค้าคุณภาพต่ำจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาขาย
" ยอมรับว่าขณะนี้ชาวบ้านยังไม่รับรู้ว่าขยะอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งทีวีเป็นขยะอันตรายที่มีสารกลุ่มโลหะหนักที่เป็นอันตราย ซึ่ง คพ.จะร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เร่งทำความเข้าใจกับประชาชน รวมทั้งจะต้องเสนอให้รัฐบาลมีมาตรการและนโยบายส่งเสริมการรีไซเคิลสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้นำขยะเหล่านี้เข้าสู่ระบบมากที่สุด เพราะพบว่าปัจจุบันมีขยะอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทถูกกำจัดอย่างถูกวิธีเพียงแค่ 6,000 ตันเท่านั้น"
จี้คลังคลอดมาตรการเศรษฐศาสตร์
อธิบดี คพ. กล่าวอีกว่า คพ.พยายามเสนอแนวทางรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ 2 เรื่อง คือ การขยายความรับผิดชอบของกลุ่มผู้ประกอบการที่จะต้องเรียกคืนซากขยะอิเล็กทรอนิกส์ แบบที่ประเทศญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศในยุโรปเขาทำมานานแล้ว ซึ่งปัจจุบันของไทยมีแค่กลุ่มสินค้าหลอดไฟเท่านั้น
หลักการที่ 2 เสนอแนวคิดการเก็บค่าธรรมเนียมผลิตภัณฑ์ เช่น ทีวีอาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมอย่างน้อยเครื่องละ 500-1,000 บาทเพื่อนำเงินไปใช้กองทุนบริหารทั้งระบบเช่น เป็นค่าใช้จ่ายในการรวบรวมหรือรับซื้อคืนแทนที่จะปล่อยให้ไปขาย โดยให้ท้องถิ่น อบต.เทศบาล เป็นคนรับซื้อ
รวมทั้งใช้เป็นค่าขนส่ง ค่ากำจัด และค่าบริหารจัดการ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องออกกฎหมาย กฎระเบียบมารองรับ รวมทั้งต้องคุยกับหลายหน่วยงานโดยเฉพาะกระทรวงการคลัง ซึ่งกำลังร่างเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ในการจัดการสิ่งแวดล้อมที่จะครอบคลุมทั้งเรื่องน้ำเสีย ขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพราะจะเกี่ยวกับการเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม
หนุนผุดร้านของเก่าสีเขียว
นอกจากนี้ นายวิเชียร ยังกล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันในเบื้องต้นทาง คพ.ยังส่งเสริมให้เกิดโครงการร้านรับซื้อของเก่าสีเขียวขึ้น เพื่อส่งเสริมร้านรับซื้อของเก่าให้มีระบบการจัดการร้านที่ดี ไม่ก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนข้างเคียง โดยจะตรวจประเมินร้านรับซื้อของเก่าสีเขียวเพื่อรับรอง 3 ระดับ คือ ระดับดีเยี่ยม ระดับดี ระดับพื้นฐาน โดยตั้งแต่ปี 2552-2555 มีร้านที่เข้าร่วมโครงการเพื่อรับการตรวจประเมิน ในพื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ กทม. นครปฐม ปทุมธานี สระบุรี ระยอง ชลบุรี เชียงใหม่ ลำพูน อุบลราชธานี สกลนคร นครศรีธรรมราช และ สงขลา จำนวน 400 ร้าน
ร้านของเก่าวอนรัฐใช้ระบบเทิร์นเครื่อง
นายอิทธิกร ศรีจันบาล บริษัท รีไซเคิล วงษ์พานิชย์ สุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ทางร้านมีมาตรการคัดแยกขยะทุกชนิดแบ่งออกเป็นกลุ่มกระดาษ เหล็ก พลาสติก แก้ว และ เครื่องใช้ไฟฟ้า และ อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ง่ายต่อการคัดแยก โดยเฉพาะในส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะมีคอมพิวเตอร์ จอซีพียู นำมาแกะแยกชิ้นส่วนอะไหล่ ออกเป็นของรีไซเคิลวันละ2-3 เครื่อง ส่วนจอทีวีเฉลี่ย 3-4 เครื่อง และจะไม่ได้แยกชิ้นส่วนเอง แต่จะขายแบบมือสอง เนื่องจากไม่มีความชำนาญ
อย่างไรก็ตาม หลังจากเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัลแล้ว คาดว่าทีวีรุ่นเก่าจะถูกขายเป็นของมือสองมากขึ้น ดังนั้นรัฐควรต้องวางแผนรับมือร่วมกับผู้ประกอบการทีวี เช่น อาจจะให้นำเครื่องเก่ามาเทิร์นทีวีรุ่นใหม่ หรือมีการติดตั้งกล่องแปลงสัญญาณ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถควบคุมขยะทีวีเก่า และนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี
สภาพัฒน์ ชี้สินค้าเทคโนโลยีฟุ่มเฟือย
จากข้อมูลการสำรวจภาวะสังคมไตรมาส 1 ของ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ซึ่งแถลงไว้ช่วงต้นเดือนมิ.ย. นี้ ระบุถึงสถานการณ์ขยะอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 ต่อปี ซึ่งถือว่ามีอัตราการเพิ่มขึ้นในระดับที่ค่อนข้างสูง และยังไม่นับรวมถึงทีวีที่รอการกำจัดอีก 20 ล้านเครื่อง ในอนาคตถ้ามีการเปลี่ยนระบบส่งสัญญาณเป็นดิจิทัล




