ยกฟ้องกำนันโต๊ะเด็งคดีแจ้งความเท็จ'ภาณุพงศ์'

พิพากษายกฟ้อง "กำนันโต๊ะเด็ง" คดีแจ้งความเท็จ กล่าวหา"ภาณุพงศ์ สิงหรา" ซ้อมให้สารภาพคดีปล้นปืนปี 47
ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 3613/2552 ที่ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุทธยา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และอดีต รองผบ.ตร. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอนุพงศ์ พันธชยางกูร หรืออดีตกำนันตำบลโต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส (อดีตจำเลยในคดีปล้นปืนกองพันทหารพัฒนาที่4 เมื่อปี 47) เป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ แจ้งความเท็จเกี่ยวกับคดีอาญา รู้ว่าไม่มีการกระทำความผิดอาญาเกิดขึ้น แต่แจ้งความว่าได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น โดยคำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค.47 นายอนุพงศ์ พันธชยางกูร หรือกำนันโต๊ะเด็ง จำเลยคดีนี้ได้ถูกพนักงานสืบสวนสอบสวนที่มี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน จับกุมตัวเมื่อวันที่ 5 มี.ค.47 ในระหว่างที่ถูกนำตัวโดยเครื่องบินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มี โจทก์คดีนี้เป็นหัวหน้าในการควบคุมตัวเพื่อไปสอบสวนที่กองปรามปราบ กรุงเทพมหานคร จำเลยได้อ้างว่าถูกซ้อมทรมานทำร้ายร่างกาย เพื่อให้รับสารภาพในคดีปล้นปืนและคดีฆ่าดาบตำรวจปัญญา ดาราฮีม และยังได้อ้างอีกว่าหลังจากถูกนำตัวกลับจากกองปราบฯนำมาควบคุมอยู่ที่ สภ.ตันหยง ยังได้ถูกโจทก์พร้อมด้วยตำรวจอีกหลายนายซ้อมทรมานให้รับสารภาพ
ต่อมานายอนุพงศ์จำเลยในคดีนี้ถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยอื่นอีกรวม 4 คนในข้อหา ร่วมกันฆ่าดายตำรวจปัญญา ดาราฮีม ที่ศาลอาญา คดีหมายเลขดำที่ 1689/2547 คดีหมายเลขแดงที่ 1479/2549 ซึ่งศาลอาญาได้พิพากษยกฟ้องจำเลยทั้งสี่ และศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษยืนตามศาลอาญา คดีเป็นอันถึงที่สุด ต่อมาจำเลยคดีนี้ได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษโจทก์ว่าได้ร่วมกับพวกซ้อมทรมานทำร้ายร่างกายต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสอบสวนและส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ต่อมา ป.ป.ช.ได้ชี้ว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่าโจทก์ กับพวกรวม 19 คน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์จำเลยนำสืบหักล้างแล้วเห็นว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุโจทก์ซึ่งดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้ควบคุมตัวจำเลยกับพวกซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีปล้นปืน มาโดยเครื่องบินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งการจับกุมและสอบสวนจะต้องกระทำเป็นความลับ ขณะที่บนเครื่องบินจะไม่มีบุคคลอื่นซึ่งเป็นคนกลางที่จะเล่าถึงเหตุการณ์บนเครื่องบินได้ โดยชั้นพิจารณาฝ่ายโจทก์มีตัวโจทก์เป็นพยานเพียงเท่านั้นเบิกความว่า ระหว่างอยู่บนเครื่องบินได้หลับๆตื่นๆ และยืนยันว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกายและให้คำมั่นกับจำเลย
ศาลเห็นว่าแม้ว่าการที่จำเลยแจ้งความเท็จจะเป็นจริงหรือไม่เป็นจริง ตัวจำเลยซึ่งเคยเป็นอดีตประธานสภาจังหวัดนราธิวาส ย่อมรู้ดีว่าการแจ้งความเท็จจะมีผลอย่างไร ประกอบกับในชั้นพิจารณาจำเลยก็ยังเคยได้นำฟันกรามที่หัก2ซีกมาเป็นหลักฐาน และเมื่อพิจารณาลักษณะของฟันกรามของจำเลยที่หลุดออกมาเป็นลักษณะฟันที่แข็งแรงคงไม่สามารถหลุดเองได้ หากไม่ถูกกระแทกด้วยความรุนแรง อีกทั้งยังมีผู้ต้องหาในคดีปล้นปืนซึ่งอยู่บนเครื่องบินเบิกความว่า ระหว่างอยู่บนเครื่องบินได้ยินเสียงร้องของจำเลย พยานหลักฐานของโจทก์จึงไม่เพียงพอรับฟังได้ว่าจำเลยแจ้งความเท็จ พิพากษายกฟ้อง
ด้าน นายอนุพงศ์ หรือ"กำนันโต๊ะเด็ง" กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ศาลพิพากษายกฟ้อง ซึ่งตนก็เชื่อมั่นในกระบวนยุติธรรมมาโดยตลอด ส่วนคดีทำร้ายการกายที่ตนเคยไปร้องเรียนต่อดีเอสไอ ทางปปช. ก็ได้ชี้มูลว่า พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ ไม่มีความผิด คดีจึงได้ยุติแล้ว ส่วนคดีที่ตนตกเป็นจำเลยในคดีปล้นปืนนั้นคดีก็ได้สิ้นสุดลงแล้วเช่นกันเนื่องจากศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโดยไม่มีการฎีกาต่อ โดยหลังจากนั้นตนก็ได้ประกอบธุรกิจส่วนตัวและไม่ได้เป็นนักการเมืองท้องถิ่นแล้ว ขณะที่ตนไม่คิดจะฟ้องกลับหรือเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ กับ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ อีก เพราะขณะนี้ทางภาคใต้กำลังมีการเจรจาสันติภาพ จึงไม่อยากให้คดีของตนไปเป็นชนวนอีก ซึ่งตนก็หวังว่าการเจรจาสันติภาพจะดำเนินไปได้ด้วยดีแม้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานก็ตาม







