น้ำด่าง… ไม่ด่างพร้อย

น้ำด่าง… ไม่ด่างพร้อย

ผมเลยตั้งใจเขียนถึงเรื่องความสมดุลของกรดด่างซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการมีสุขภาพดี ซึ่งจะนำไปสู่คำถามที่ว่า ดื่มน้ำด่างไปทำไม


หลังจากตั้งใจนำแนวทางชีวจิตและธรรมชาติรักษาโรคมาถือปฏิบัติ ผมรู้สึกว่าตนเองเริ่มมาถูกทางมากขึ้น สังเกตจากสุขภาพร่างกายในหลายๆ ส่วนที่เริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยผลจากการที่ทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง ดูแลสภาพกายและจิตซึ่งสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก ยิ่งจิตดี กายก็ย่อมดี เมื่อกายดี ก็ส่งผลให้ลดความกังวล สุขภาพจิตก็ดีขึ้น

มักมีคนสอบถามถึงการดำเนินวิถีการกินอาหารตามแนวทางธรรมชาติบำบัดว่าเป็นเช่นไร จริงๆ แล้วมีหลักการเพียงเล็กน้อยเท่านั้นครับ ที่ผมนำมาใช้ ได้แก่ การกินอาหารพลังสด ซึ่งก็คือ กินผัก ผลไม้สด ให้มาก หลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านการปรุงที่ซับซ้อน หรืออาหารที่แปรรูปจนมองไม่เห็นสภาพต้นกำเนิด การจำกัดปริมาณเนื้อสัตว์ กินแต่เพียงพอดี หลีกเลี่ยงเนื้อแดง เน้นเนื้อปลา หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด มัน ทอด เค็ม เผ็ด ทานข้าวกล้อง งดแป้งและน้ำตาลขัดสี รวมถึงการดื่มน้ำสะอาดให้ได้มากกว่าวันละ 8 แก้ว นอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายให้เป็นกิจวัตร และหมั่นมีสติ ทำสมาธิ ฝึกการหายใจให้ลึกเพื่อให้ร่างกายได้รับอ็อกซิเจนได้อย่างเต็มที่

วันก่อนผมโพสต์ภาพ “น้ำผงถ่าน” หรือ “น้ำด่าง” บนอินสตาแกรม ก็มีเพื่อนๆ ให้ความสนใจส่งข้อความเข้ามาถามจำนวนมากว่า กินอะไร? กินไปทำไม? บางคนถึงกับแสดงความห่วงใยบอกว่าให้เพลาๆ เรื่องแนวทางอาหารสุขภาพลงบ้าง เพราะนับวันจะยิ่งทำอะไรแปลกๆ!! เอาเป็นว่า ผมถือว่านั่นเป็นความหวังดีละกันนะครับ

ฉบับนี้ผมเลยตั้งใจเขียนถึงเรื่องความสมดุลของกรดด่างซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการมีสุขภาพดี ซึ่งจะนำไปสู่คำถามที่ว่า ดื่มน้ำด่างไปทำไม?

ค่า PH หรือค่าความเป็นกรด-ด่างใช้เป็นมาตรวัดว่าเลือดในร่างกายมีความเป็นกรดหรือด่าง เมื่อแรกเกิดค่าความเป็นกรดด่างของเราจะเป็นด่างอ่อนๆ เท่ากับ 7.3 ซึ่งเกือบจะมีค่าเป็นกลาง (PH 7.0) อวัยวะต่างๆ จึงสะอาดบริสุทธิ์ แต่หลังจากเกิดมาแล้ว ร่างกายสะสมของเสียที่มีความเป็นกรดมานานหลายสิบปี ทั้งจากอาหารการกิน สภาพการใช้ชีวิต มลพิษอากาศ ยา เครื่องดื่มที่เจือสารเคมี ซึ่งล้วนทำให้ความสมดุลของค่าความเป็นกรดด่างของร่างกายค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นกรด ของเสียและสารพิษที่เป็นกรดจึงกัดกร่อนและเป็นพิษต่ออวัยวะต่างๆ ในร่างกายของเรา นำมาสู่ความผิดปกติ โรคร้ายสารพัด

ดังนั้น ถ้าเราต้องการให้ร่างกายสามารถคงสภาพความเป็นด่างอ่อนๆ โดยที่ไม่ต้องไปรบกวนอวัยวะส่วนอื่นๆ เราต้องรับประมาณอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่าง อาทิ ถั่วแดง แอปเปิ้ล ผักคะน้า เต้าหู้ กะหล่ำปลี สาลี่ มันฝรั่ง ซึ่งมีสภาพเป็นด่างอ่อน พวกถั่วเหลือง มะเขือเทศ กล้วยหอม สตรอเบอรี่ ไข่ขาว สาหร่ายทะเล เป็นกลุ่มอาหารที่มีความเป็นด่างปานกลาง นอกจากนี้ องุ่น ใบชา ฟักทอง บีตรูต เป็นอาหารที่มีความเป็นด่างสูงครับ

ส่วนอาหารที่ง่ายที่สุด ซึ่งก็คือ น้ำที่ถูกทำให้มีฤทธิ์เป็นด่าง หรือ เรียกง่ายๆว่า น้ำด่าง นั่นเองครับ ซึ่งผมได้ทราบจากป้านิด (คุณนิดดา หงษ์วิวัฒน์ กูรูแห่งธรรมชาติบำบัดของผม) ว่า ภูมิปัญญาไทยโบราณเรื่องอาหารที่ฤทธิ์เป็นด่างนั้นมีมาแต่เก่าก่อน เช่นจำพวกขนมต่างๆ อาทิ เปียกปูนจากมะพร้าวเผา บวชฟักทอง บวชมัน ที่ต้องแช่น้ำปูนใสก่อน เป็นต้น และป้านิดก็เป็นผู้แนะนำสูตรทำน้ำด่างง่ายๆ โดยไม่ต้องไปหาซื้อเครื่องทำน้ำด่างมาใช้ ที่สำคัญสะดวก สบาย เหมาะกับคนเมืองอีกด้วยครับ

น้ำด่าง (น้ำผงถ่าน) สูตรล้างพิษปรับสมดุลลดพิษร้อนในร่างกาย

ใช้ผงถ่าน 1 ช้อนชา ผสมน้ำต้มสุก (น้ำสะอาด) ครึ่งลิตร เติมน้ำสกัดย่านาง 2 ช้อนโต๊ะ หยดน้ำมันเขียว 2-3 หยด ผลิตภัณฑ์ต่างๆ นี้ ลองหาซื้อตามร้านจำหน่ายสินค้าสุขภาพได้นะครับ

สำหรับใครที่สงสัยว่าถ่านกินได้ด้วยหรือ ถ่านไม้ที่เผาไหม้หมดสามารถทานได้ครับ และยังมีคุณต่อร่างกายช่วยดูดซับสารพิษ เช่นเดียวกับคนที่มีอาการอาการเป็นพิษ แพทย์จะให้คาร์บอนมาให้กินครับ

การดื่มน้ำด่างเป็นประจำ นอกจากจะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารต่างๆ ได้ดีกว่าน้ำธรรมดา ยังช่วยนำของเสียต่างๆ ออกจากเซลล์ได้มากยิ่งขึ้น เพราะน้ำด่างที่มีโมเลกุลขนาดที่เล็กกว่าน้ำดื่มทั่วไป การแพทย์ปัจจุบันได้มีการวิจัยพบว่า เชื้อมะเร็งนั้นสามารถเกิดขึ้นและเติบโตได้ดีในสภาพที่เป็นกรด ซึ่งเกิดจากการรับประทานอาหารจำพวกแป้ง เนื้อสัตว์ ไขมัน และโปรตีน เมื่อมีการเผาผลาญจะเกิดของเสียที่มีฤทธิ์ป็นกรด ดังนั้นถ้าเราดื่มน้ำด่างที่มีค่าเป็นด่าง ซึ่งจะไปช่วยลดสภาพความเป็นกรดที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญ เพื่อให้เกิดความสมดุลในร่างกายซึ่งจะนำไปสู่การมีสุขภาพที่ดีได้ไม่ยากครับ

ธรรมชาติบำบัดเป็นเรื่องที่สนุก ให้เราได้ลองสรรหาอาหารที่ดีเพื่อเยียวยารักษาตัวเราเองแบบไม่ต้องพึ่งพายาจากหมอโดยไม่จำเป็น ไม่แปลกใจที่ผมรู้สึกมีความสุขจากข้างในว่าตัวเรากำลังเดินมาตามทางที่ถูกที่ควรเสียที