อาหารสู้มะเร็ง

ถ้าเป็นโรคมะเร็งแล้ว ควรจะเลือกบริโภคอาหารอะไรเพื่อช่วยควบคุมโรค และทำให้การรักษาได้ผลดีที่สุด
ถ้าเป็นโรคมะเร็งแล้ว ควรจะเลือกบริโภคอาหารอะไรเพื่อช่วยควบคุมโรค และทำให้การรักษาได้ผลดีที่สุด
การให้ความสำคัญกับการบริโภคอาหาร ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ป่วยโรคมะเร็งไม่ควรละเลย เนื่องจากความต้องการอาหารจะแตกต่างจากคนปกติ เพราะต้องได้รับการรักษาด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การผ่าตัด การฉายรังสี การรับยาเคมีบำบัดต้องการสารอาหารเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อซ่อมแซมเซลล์ร่างกายและช่วยให้สามารถรับการรักษาได้ครบถ้วน
รสริน ตั้งศิลาถาวร นักโภชนาการ โรงพยาบาลพญาไท 1 บอกว่า ผู้ป่วยมะเร็งต้องการวิตามินและสารอาหาร มากกว่าคนปกติ ที่จะมีผลทางเภสัช ออกฤทธิ์ในตำแหน่งเฉพาะๆ เพื่อช่วยรักษามะเร็ง จากการศึกษา พบว่า สารสกัดจากบร๊อคโคลี่ สามารถยับยั้งตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจน มีฤทธิ์คล้ายยาเคมีบำบัดตัวหนึ่ง ซึ่งใช้รักษามะเร็งเต้านม เคยมีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย พบว่าสารสกัดจากบร๊อคโคลี่ สามารถหยุดยั้งการสังเคราะห์ DNA ในมะเร็งเต้านมชนิดไม่มีตัวรับเอสโตรเจนได้ 50%
เคอร์คูมิน สารอีกตัวหนึ่งที่ได้มาจากสารสกัดขมิ้นชัน จากการศึกษาพบว่า เคอร์คูมิน ช่วยยับยั้งขบวนการสร้างโปรตีนที่เป็นเซลล์มะเร็ง จึงช่วยควบคุมการเจริญของเซลล์มะเร็งได้
EGCG ในชาเขียว ซึ่งมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Camellia Sinensis มีสายพันธุ์มากกว่า 1,200 สายพันธุ์ สาร Epigallocatechin Gallate หรือ EGCG นี้ สามารถยับยั้ง โปรตีนที่เซลล์มะเร็งสร้างขึ้นมา เพื่อเร่งการเจริญเติบโต และยังพบอีกว่า EGCG ยับยั้งเอนไซม์ เทโลเมอเรส ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เซลล์ต้นกำเนิดมะเร็ง (cancer stem cell) อาศัยในการต่ออายุของมัน ดังนั้น EGCG อาจมีบทบาท ลดการทำงานของ เซลล์ต้นกำเนิดมะเร็งได้
กระเทียม สารสกัดจากกระเทียม ช่วยการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ชนิดมาโครฟาจทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคในร่างกาย องุ่นแดง สารสกัดจากองุ่นแดง( เรสเวอราทรอล) ช่วยยับยั้งการอักเสบ ซึ่งรวมไปถึงการอักเสบที่เกิดรอบๆ หลอดเลือดในก้อนมะเร็ง และเป็นสาเหตุให้มะเร็งกระจาย และช่วยเพิ่มโปรตีนที่ควบคุมการเจริญของก้อนมะเร็ง
ถั่วเหลือง สารสกัดไอโซฟลาโวนจากถั่วเหลือง มีสารที่ช่วยยับยั้งตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจน และแอนโดรเจน จึงสามารถยับยั้งมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนได้ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก มะเร็งต่อมลูกหมาก วิตามินซี ก็ถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวหนึ่ง ซึ่งสามารถป้องกันมะเร็งได้ คนส่วนใหญ่จะรับประทานวันละ 500 - 1,000 มิลลิกรัม แต่ถ้าจะรักษามะเร็ง ไม่ควรใช้สารต้านอนุมูลอิสระโดยไม่ปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะถ้ากำลังอยู่ในระหว่างการให้เคมีบำบัดหรือการฉายแสง จึงควรรับประทานผักสดและผลไม้ เพราะ มีสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) สูง
นอกเหนือจากการเอาใจใส่กับการบริโภค ที่มีสารอาหารเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องระมัดระวังก็คือ สารอาหาร “ต้องห้าม”ที่จะเร่งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ได้แก่
น้ำตาลคืออาหารของมะเร็ง การตัดน้ำตาลคือการตัดแหล่งอาหารสำคัญที่จ่ายให้กับเซลล์มะเร็ง รวมทั้งสารทดแทนน้ำตาล ซึ่งเป็นสารเคมีทึ่ถูกนำมาแปรรูป กรณีผู้ป่วยเบาหวาน ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อให้ทราบว่า ในแต่ละวันสามารถบริโภคน้ำตาลได้เท่าไร
นม ควรหลีกเลี่ยง เพราะทำให้เซลล์มะเร็งในระบบทางเดินอาหารสามารถเจริญเติบโตได้ดี แนะนำให้เปลี่ยนมาดื่มนมถั่วเหลืองแบบไม่หวานแทน ทำให้เซลล์มะเร็ง ไม่ได้รับอาหารและฝ่อตัวลง
ตามธรรมชาติเซลล์มะเร็งจะเจริญเติบโตดีในภาวะที่เป็นกรด ถ้าผู้ป่วยรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ปริมาณมากในกระเพาะอาหารจะมีความเป็นกรดสูง ดังนั้นจึงควรหันมาบริโภคเนื้อปลา เนื้อไก่ แทนเนื้อหมู เนื้อวัว หลีกเลี่ยงกาแฟ น้ำชา และช็อกโกแลต ซึ่งมีคาเฟอีนสูง
นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญมากคือ อาหารต้องสุกและสะอาด ในขณะที่มีภาวะเม็ดโลหิตขาวต่ำหรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ ต้องหลีกเลี่ยงอาหารไม่สุก เช่น หอยนางรม กุ้งเต้น ปลาดิบ ดังนั้น ผู้ป่วยมะเร็งควรรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและสมดุลมีความสุกสะอาดไม่ใช่เลือกรับประทานอาหารเพียงชนิดใดชนิดหนึ่ง







