กัปตันลม ชมความสุข

กัปตันลม ชมความสุข

"กัปตันลม-ถิติวิมล ศิริปัญโญ" นักบินหนุ่มแห่งสายการบินไทย เปิดมุมมองจากฟ้าพบความสุข ที่อยู่ไม่ไกลไปกว่าในตัวของเขาเลย

หากแหงนหน้ามองฟ้าสิ่งที่อาจพบเห็นอาจเป็น เมฆ ท้องฟ้า นก ดวงอาทิตย์ หรือเครื่องบิน แต่สำหรับ "กัปตันลม-ถิติวิมล ศิริปัญโญ" นักบินหนุ่มแห่งสายการบินไทย เขามองจากฟ้าพบความสุขที่อยู่ไม่ไกลไปกว่าในตัวของเขาเลย

กัปตันสายการบินน่าจะเป็นอาชีพหนึ่งที่หลายคนปรารถนาจะเป็น และคงมีอีกหลายคนอิจฉาในความเท่และร่ำรวยเงินทองของพวกเขา แต่จะมีสักกี่คนที่มองให้ลึกไปกว่าภาพลักษณ์สุดหรู ให้ทะลุเครื่องแบบสุดเนี้ยบ ไปสู่ก้นบึ้งจิตใจว่ามีความสุขความทุกข์มากน้อยเพียงใด

ต้องยอมรับจริงๆ ว่าภาพจำของอาชีพกัปตันสายการบินนั้นนำไปสู่ผลลัพธ์ว่า พวกเขาต้องมีความสุขบนกองเงินกองทองและลาภยศที่ได้รับเป็นแน่ แต่แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร คงต้องหาคำตอบจาก กัปตันลม - ถิติวิมล ศิริปัญโญ กัปตันหนุ่มแห่งสายการบินไทยที่นอกจากขับเครื่องบินแล้ว ยังมีกิจกรรมซึ่งเขารักอีกมากมายหลายอย่าง


นอกจากควบคุมเครื่องบินแล้ว ทำอะไรอีกบ้าง
ที่ผ่านมาเคยเป็นนักเขียนในวารสารสมาคมนักบินไทย คอลัมน์ที่เขียนได้รับความสนใจจากแฟนหนังสือพอสมควร เขาเลยรวมเป็นพอคเก็ตบุ๊คแจกเมื่อสัก 8 ปีที่แล้ว ตอนนี้ก็มีคนมาติดต่อจะพิมพ์ใหม่ คิดว่าจะออกได้ภายในปีนี้ อีกอย่างหนึ่ง กำลังมีโครงการจะทำงานดนตรี เพราะเป็นสิ่งที่รักมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยได้ทำจริงจังสักที ดนตรีเป็นความรักตั้งแต่จำความได้ เล่นเครื่องดนตรีทุกชิ้นในวงดุริยางค์ เล่นกีต้าร์มาตั้งแต่ 11-12 ขวบ ในขณะเดียวกันก็มีความฝันอยากเป็นนักบินตั้งแต่ 3-4 ขวบ เพราะมีโอกาสขึ้นเครื่องบินตั้งแต่ 3-4 ขวบ


ฝีมือการเล่นดนตรีเป็นอย่างไร
เราไม่ได้เปรียบเทียบตัวเรากับใครเลย เหมือนว่าแต่ละคนจะหาคาแร็กเตอร์ของตัวเอง เราจะมีสำเนียงของตัวเอง เรามีสุ้มเสียงของเรา พวกนักกีต้าร์เก่งๆ ถ้าสังเกตเขาจะเล่นสองสามโน้ตก็จำได้แล้วว่าคนนี้นะ แต่เราไม่เปรียบเทียบว่าคนนี้เก่งกว่าคนนั้น ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ระดับไหน ระดับกลางๆ แล้วกัน แต่อาจจะมีสุ้มเสียง สำเนียงของเราที่อาจจะต่างออกไป ส่วนแนวดนตรีที่ชอบ ตั้งแต่เด็กชอบดนตรีร็อค ชอบโพรเกสซีฟร็อค ชอบอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่น สมัยนั้นไม่มีแนวร่วมเท่าไร

ตอนที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย เป็นมือกีต้าร์ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วงดนตรีของคณะวิศวะก็จะเป็นเพลงเฮฟวี่ อยากเล่นโพรเกสซีฟ แต่ทุนรอนและเครืองมือไม่ให้ เราก็เล่นเฮฟวี่ แต่ลึกๆ แล้วชอบโพรเกสซีฟ เสียงกีต้าร์ก็ออกแนวที่ไม่ถนัดนัก แต่หลังๆ ที่สนใจเรื่องจิตวิญญาณ จิตวิญญาณก็เริ่มเข้าไปในเสียงกีต้าร์ของเรา มันสะท้อนสิ่งที่เราคิดในจิตใจ เมื่อก่อนเราไม่รู้หรอก พอมีเฟซบุ๊ค เริ่มซื้อกล้องมาอัดดู ก็พบว่าตรงนี้เป็นเรา มีคนที่เขาสนใจก็ชอบ


คุณเคยเปรียบกีต้าร์เหมือนผู้หญิง
คนชอบถามว่าทำไมต้องมีกีต้าร์หลายตัว ตัวเดียวไม่พอ สองตัวสามตัวไม่พอเหรอ ผมว่าไม่พอ เพราะแต่ละตัวเขาจะมีนิสัย มีคาแร็กเตอร์ไม่เหมือนกัน ต้องบอกว่ามันเป็นเคมีระหว่างคนเล่นกับเครื่องดนตรี การที่เราจะเชื่อมต่อกับเครื่องดนตรีเป็นเรื่องสำคัญมาก บางตัวเป็นกีต้าร์ที่ดีนะ แต่เราจับแล้วเล่นไม่ดี แต่บางตัวจับแล้วเหมือนเขาคุยกับเรา อย่างกีต้าร์ที่ชอบที่สุดที่เล่นในเฟซบุ๊ค ก่อนเล่นเอากีต้าร์มาเลือก ตัวนี้จะโดดเด่นออกมาเลย พอเสียงใช่ พอการโต้ตอบดี มันเป็นปฏิสัมพันธ์ นักดนตรีก็ไม่อยากจะหยุดเล่น ถ้าไม่มีตรงนี้ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็วาง แต่ถ้ามีแบบนี้จะไหลไปเรื่อย จะค่อยๆ อิน

ในฐานะที่เล่นกีต้าร์มา 30 กว่าปี มีกีต้าร์มาเป็น 10 ตัว ตอนนี้เวลาเลือกกีต้าร์ก็จะดูที่การตอบโต้ หรือน้ำเสียงที่มันก้องในหัวเราได้ ไม่เกี่ยวกับรูปลักษณ์เท่าไร ไม่เกี่ยวกับความหรูหราเท่าไร รู้สึกว่าตัวนี้ใช่ เพราะฉะนั้นคงจะหาใครมาเทียบเธอยากนิดหนึ่ง ซึ่งตัวโปรดของผม ชื่อวาโย เป็นภาษาบาลี แปลว่าลม

กลับมาพูดถึงงานเขียน 'ในกึ่งพุทธกาลกำลังจะมาถึงปี 2013'
ค้นคว้าเยอะมากเลย ใช้เวลาศึกษาค้นคว้าข้อมูลเปรียบเทียบอยู่หลายเดือนเลย ได้แรงบันดาลใจจากหนังสือของพระเดชพระคุณพระพรหมคุณากร เราก็สงสัยว่าทำไม พ.ศ.ไทยนับอย่าง ฝรั่งนับอีกอย่างหนึ่ง ท่านเจ้าคุณก็วงเล็บไว้ในหนังสือว่าฝรั่งว่าอย่างนั้นว่าอย่างนี้ เริ่มคิดว่าความจริงความถูกต้องอยู่ตรงไหน แล้วยิ่งขุดเข้าไป ยิ่งพบข้อมูลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็คิดว่าน่าจะเอามาเป็นข้อมูลให้สังคมได้ลองพิจารณา

แล้วเราก็จะได้ทราบว่าจริงๆ แล้ว พ.ศ.เป็นความจริงหรือเป็นนามธรรม เพราะตอนหลังไปพบข้อมูลทางด้านดาราศาสตร์ที่พิมพ์ไว้เลยว่าสมัยพระเจ้าอโศกเสด็จไปที่ลุมพินี เกิดสุริยุปราคา ทำให้เรารู้ได้ว่าจริงๆ แล้วพระเจ้าอโศกขึ้นครองราชย์ พ.ศ.ใดกันแน่ คูณไปคูณมาปรากฏว่ากึ่งพุทธกาลกำลังจะมาถึง มันไม่ใช่ผ่านมาแล้ว ถ้าใครสนใจก็ลองหาอ่านดูได้เลย ลงไว้ในเฟซบุ๊คของผมก็มี (ลม กัปตัน)


สวมหมวกสามใบ แยกบทบาทอย่างไร
ทุกอย่างที่ทำมันเป็นความสนใจ จึงเป็นความสุข ไม่ว่าจะขับเครืองบิน เล่นกีต้าร์ หรือนั่งรวบรวมความเพื่อเขียนบทความ มันเป็นความรักของเรา เมื่อไรที่มีเวลาและจังหวะเหมาะสมก็ทำได้หมด ถ้าเอามารวมกัน อย่างทำดนตรีที่เกี่ยวข้องกับการบิน ทำดนตรีที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ หรือเขียนหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการบิน เหมือนเอาหลายๆ อย่างมากผสานพร้อมกัน คิดว่าจะทำต่อไป

ที่ผ่านมาเป็นนักบินมา 23-24 ปี เราใช้สมองส่วนซ้ายเป็นหลัก ตั้งแต่เด็กมาสมองส่วนขวาก็อยากแสดงออกบ้าง แต่ไม่มีโอกาสสักที คิดว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะทำ


อาชีพนักบินมีรายได้ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องทำอย่างอื่นอีก
รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่รัก จริงๆ งานบิน ถ้าให้บินฟรีก็เอานะ คือเป็นความรัก พอดีได้เงินมา ก็โอเค จะบอกว่าประเด็นหลัก ไม่ใช่ว่าเราบิน เพราะเป็นงานที่เท่หรือว่าเงินดี ส่วนของดนตรีและการเขียนก็เหมือนกัน ก็มาจากสิ่งที่เรารัก ไม่ได้หวังว่าเราทำแล้วจะได้เงินเพิ่มขึ้น

ตอนนี้การบินเป็นสิ่งที่เรารักมาก แต่พอถึงจุดๆ หนึ่งจะเริ่มอิ่มตัว ไม่ค่อยมีความท้าทายอะไรให้เราไขว่คว้าเพื่อพิสูจน์ตัวเองเกี่ยวกับการบินอีก เพราะฉะนั้นเวลาที่เหลือก็อยากเอาความสนใจด้านอื่น ด้านดนตรี ด้านการเขียนหนังสือ ด้านอื่น แม้กระทั่งการถ่ายรูปนิดๆ หน่อยๆ มาทำตรงนี้ ตอนนี้รู้สึกว่าชีวิตถึงเวลาหันไปทำทางด้านดนตรีหรือศิลปะอย่างอื่นบ้าง ถ้าดนตรีเรามีพลังเยียวยารักษา หรือทำให้คนฟังเขามีความสุข ได้มีความซาบซึ้ง หรือได้จรรโลงศาสนาพุทธของเราก็เป็นสิ่งที่เป็นความหวังอย่างหนึ่ง


บางคนมองว่านักบินต้องใช้ชีวิตหรูหรา จริงๆแล้วใช้ชีวิตอย่างไร
เมื่อ 3-4 ปีที่แล้วเคยใช้ชีวิตหรูหรา เยอะอยู่ ชอบของดีๆ ที่เป็นวัตถุดีๆ เช่น ขับรถสปอร์ต ชอบดื่มไวน์ดีๆ แพงๆ มีเป็นร้อยขวดที่บ้าน หลายๆ อย่าง เครื่องใช้ไม้สอยก็จะใช้ของที่ค่อนข้างจะมีราคาเยอะกว่าที่เราต้องการ ขายไปบ้างก็เยอะอยู่ มันเหมือนกับว่า พอเรามีโอกาสได้ไปสัมผัสความหรูหรา ก็ใช้มัน เพราะเรามีกำลัง แต่พอถึงจุดหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านความคิด เราค่อยไปคิดอีกอย่าง จากที่เราเคยรู้สึกว่าถ้าเรามีวัตถุมากแล้วเราจะมีความสุข พอนานๆ ไปเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่


อะไรคือจุดเปลี่ยน
แปลกดี ชีวิตเหมือนมันถึงเวลาของมัน ส่วนตัวคิดว่าชีวิตไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ประมาณสัก 3-4 ปีที่แล้ว ไม่สบาย เริ่มไปหยิบหนังสือเก่าๆ ที่เก็บไว้ ไม่ได้อ่านสักทีมานั่งอ่าน แล้วพอเราอยู่นิ่งๆ ไม่ยุ่งกับงาน เราเห็นความว่าง เราก็เริ่มตกผลึก เริ่มใคร่ครวญ ประมาณต้นปี 2552 เป็นช่วงที่หันมามองชีวิตว่าตกลงเรามองด้านวัตถุมากไป หรือด้านจิตวิญญาณยังลงไม่ลึก แล้วมันก็พาให้ศึกษาด้านนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


ศึกษาแล้วเรียนรู้อะไร
ความสุขที่แท้อยู่ภายในของเรา เพียงแต่เราจะเข้าไปค้นหามันหรือเปล่า ถ้าเราไปค้นหาจากภายนอก มันไม่ยั่งยืน ความสุขของเราติดกับสิ่งภายนอกน้อยลง อยู่กับตัวเองก็มีความสุขกับตัวเองได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปยึดติดกับวัตถุหรือรายได้ เพียงแต่ว่าถ้าจะให้ดี ต้องมีเวลา เวลาเป็นอะไรที่มีค่ามาก ถ้าเรามีเวลากับตัวเองให้ได้ทำในสิ่งที่สนใจ นั่นเป็นความสุขดีจริงๆ


หลายคนศึกษาธรรม บ้างเดินทางไปสังเวชณียสถานเพื่อสิ่งใด
เป็นความใฝ่ฝัน เส้นทางบินที่ไปยุโรปจะต้องผ่านพุทธคยาเกือบทุกครั้ง และบินข้ามพุทธคยา 22-23 ปีแล้ว ไม่ได้ลงไปสักทีนะ ผมเป็นคนที่ค่อนข้างสนใจพุทธธรรมพอสมควร คิดว่าตรงนี้เป็นจุดที่มหัศจรรย์มากในโลก เป็นจุดที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ อยากไปกราบสักทีหนึ่ง

พอไปที่นั่นก็มีความซาบซึ้ง เหมือนกับเราได้ไปสัมผัส จากที่เราเคยแต่เรียน คาดว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ พอได้ไปอยู่ในบรรยากาศของจริง มันไม่สามารถอธิบายได้นะ เหมือนกับเราไปยืนอยู่ที่แกรนด์แคนยอน แล้วเราจะพูดอธิบายอย่างไรว่าแกรนด์แคนยอนสวยอย่างไร นึกออกไไหม การได้ไปนั่งสมาธิใต้ต้นโพธิ์ที่พุทธคยาเป็นความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง

ถ้าคนไม่เคยไป สิ่งที่คิดในสมองจะไม่เหมือนของจริงนะ จะยิ่งใหญ่อลังการกว่า ความรู้สึกที่เราไปเดินอยู่ ไปนั่งอยู่ในที่ที่พระพุทธเจ้าประทับ ท่านเคยเสด็จ สิ่งเหล่านี้ทำให้เราเข้าถึง เราได้กลิ่น เรามีความรู้สึกถึงบรรยากาศ เหมือน 2500 ปีเพิ่งผ่านไป หรือไปนั่งตรงกุสินาราตรงที่เสด็จปรินิพพาน บรรยากาศของความเศร้าหมองในศาลา ทำให้เรารู้สึกเหมือนพระองค์ปรินิพพานไม่นานนี้

การที่เราเป็นพุทธศาสนิกชน เราก็ควรได้ไปกราบไหว้สังเวชณียสถานสักครั้งเพื่อไปบูชาพระพุทธเจ้า ได้ไปเที่ยวในที่ที่เคยเกิดเหตุการณ์ในพุทธกาล ก่อนไปได้ศึกษาว่าตรงนั้นเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ตรงนี้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้น กลับมาก็มีความซาบซึ้งเพิ่มขึ้นอีกจากเดิม ทำให้ต้องการปฏิบัติเพิ่มขึ้น ต้องการทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเพิ่มขึ้น ถ้าใครไปน่าจะได้ตรงนี้


ตอนนี้มีโครงการต่อยอดจากการไปพุทธคยา
เหมือนกับเป็นการบูรณาการความสนใจของเรา ในอนาคตข้างหน้าอาจจะได้มีโอกาสทำดนตรีสไตล์ตัวเอง แต่เป็นดนตรีแห่งจิตวิญญาณ อุทิศให้กับศาสนาพุทธของเรา และเผยแพร่ในสากล คนที่ติดต่อมาเขาเคยทำอย่างนี้แล้ว เป็นงานที่คุณภาพดีทีเดียว อาจจะไม่ได้แพร่หลายมาก เพราะดนตรีไม่เหมือนสไตล์ป๊อป ตอนนี้ยังไม่ทราบเหมือนกัน เพราะฉะนั้นต้องดูต่อไปว่าแค่ไหน


ตั้งเป้าไว้ว่าจะสำเร็จเมื่อไร
ไม่ได้คิดขนาดนั้น แต่ก็จะลองทำดู บางทีอาจจะดีก็ได้ อาจจะไม่เหมือนกับที่เราคิดก็ได้ ลองทำดูก่อน เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำ ในทางการบินเราวางแผนได้อยู่แล้วว่าทำอย่างนี้น่าจะเป็นอย่างนี้นะ แต่ในทางศิลปะคิดว่าลองทำดูก่อน

ตอนนี้เป็นช่วงที่ชีวิตก้าวมาในยุคใหม่ โลกเราอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่กระบวนทัศน์ใหม่ จากแบบวัตถุนิยมเก่าๆ ก็ไปสู่ความคิดที่เป็นองค์รวม เป็นจิตวิญญาณมากขึ้น ส่วนตัวคิดว่าถ้าคนเราเกิดมาเพื่อตระหนักรู้ ได้เข้าใจสิ่งเหล่านี้ เข้าใจว่ามาอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร ควรทำอะไรเพื่อเป็นประโยชน์แก่ตนเองและคนในโลก ถ้าได้ทำตรงนี้จะมีความสุขมาก


คิดว่ามาถึงตรงนี้ได้ เพราะโชคหรืออะไร
การประสบความสำเร็จต้องมีองค์ประกอบ 3-4 อย่าง ก่อนอื่นต้องมีความรู้ความสามารถ แล้วต้องมีโอกาส ถ้าใครมีความสามารถแต่ไม่เคยได้รับโอกาสเลยก็คงจะไม่ได้ทำ เมื่อมีสองอย่างนี้แล้วก็ควรจะมีโชคด้วย เพราะบางทีทำมาดี แต่โอกาสไม่ใช่ บรรยากาศในบ้านเมืองไม่ใช่ ก็อาจไม่เป็นที่สนอกสนใจ ช่วงเวลาสำคัญที่สุดที่จะเอาทุกอย่างมารวมกัน


สุดท้าย ขอนิยามตัวตนของ 'กัปตันลม'
เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่โชคดีได้ทำสิ่งที่รัก และรักในสิ่งที่ตัวเองทำ จะพยายามต่อไป พยายามขัดเกลา เพื่อนอาจมองว่าผมเป็นเหมือนลูกตุ้มที่แกว่งไปสุดโต่ง ถ้าวัตถุนิยมก็สุด ถ้าจิตวิญญาณก็สุด มันก็ไม่ใช่อย่างนั้นเสียทีเดียว ความเป็นคนอยากรู้อยากเห็น อ่านหนังสือมาก เวลาสนใจอะไรก็จะขุดลึกไปมากๆ ณ วันนี้คนอาจจะคิดว่า เดี๋ยววันนี้ผมจะเป็นอย่างนี้นะ เดี๋ยวอีกหน่อยจะกลับไปเป็นอย่างเดิม ก็คอยดูต่อไป แต่ในส่วนตัวไม่คิดอย่างนั้น ตอนนี้รูปแบบที่เห็น มาถูกทางแล้ว