ธรรมะจุดกำเนิดสมดุล

เราจะยอมเป็นศพ ตายไปกับสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ หรือว่าเราจะหาประโยชน์จากมัน
เปิดมุมมองเหรียญอีกด้านของ "ธรรมะ" กับ "เงิน" เมื่อผนวกกันกลับสร้างคุณูปการและความสมดุล ผ่านแง่คิดของผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงินที่ศึกษาธรรมะอย่างสม่ำเสมอ ดร.อัจฉรา โยมสินธุ์ ผู้เขียนหนังสือ “ธรรมะ ธรรมเงิน”
ธรรมะจะว่าเป็นเรื่องง่ายก็ง่าย จะว่าเป็นเรื่องยากก็ยาก หากแต่อยู่ที่มุมมองความคิดของแต่ละคน เรื่องของการจัดการบริหารเงินก็เช่นเดียวกัน จะมองว่ายากก็ใช่ จะว่าง่ายก็ได้อีก ทั้งธรรมะและเงินสองสิ่งนี้ไม่น่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันได้เลยหากเรามองแต่เพียงด้านเดียว ในทางกลับกันหากเรามองเห็นอีกด้านหนึ่งเหมือนที่เราเห็นเหรียญทั้งสองด้าน ก็จะพบว่า ทั้งธรรมะและเงินนั้นจริงๆแล้วเป็นสิ่งที่ควบคู่กันไปได้อย่างดีเยี่ยม
นักการเงิน วิพากษ์สังคม
ก่อนจะพูดถึงเศรษฐกิจระดับประเทศที่กำลังประสบปัญหาในขณะนี้ทั่วโลกนั้น ดร.อัจฉรา โยมสินธุ์หรือ อาจารย์รัก ขอออกตัวว่าเธอเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญทางการเงินส่วนบุคคล ฉะนั้นจะขอพูดในระดับสังคม ซึ่งในด้านมุมมองสังคมปัจจุบันอาจารย์รักบอกกับกายใจว่า ปัจจุบันคนส่วนมากในสังคมมีการใช้จ่ายมากจนเกินตัว มีเงินออมน้อยเกินไป ไม่มีวินัยทางการเงิน
ปัญหาเหล่านี้ล้วนเกิดจากตัวเราทั้งสิ้นที่สร้างความไม่สมดุลนี้ ทำให้เกิดปัญหาการเงินขึ้น และยังไม่เคยจัดการตนเองไปในทิศทางที่ถูกต้องอย่างจริงจังเลย หากเราแก้ไขชีวิตให้สมดุลได้ อาจารย์รักเชื่อมั่นว่าจะสามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างลงตัว
แต่การที่จะแก้ไขหรือไม่นั้น ก็ต้องอยู่ที่มุมมองของแต่ละคนว่าจะยืนมองดูสภาวะความไม่สมดุลนี้ต่อไป ทั้งที่เห็นปัญหา หรือจะลงมาแก้ไขเพื่อตัวของตนเอง อาจารย์รักเปรียบเทียบให้เห็นภาพจากคำพูดของนักธุรกิจหนุ่มท่านหนึ่งว่า เราจะยอมเป็นศพตายไปกับสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ หรือว่าเราจะหาประโยชน์จากสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ มันอยู่ที่มุมมองของแต่ละคนจริงๆ
แก้เศรษฐกิจด้วยตัวเรา
การวางตัวในสังคมที่เป็นอยู่ปัจจุบันนี้ อาจารย์รักบอกว่าสามารถแก้ไขได้ง่ายมาก โดยเริ่มที่ตนเองก่อน นั่นคือ เราต้องรู้ตนเอง แต่การที่รู้ตนเอง และจัดการเรื่องเงินนั้นจะว่าไปก็ยากอยู่เช่นกัน แต่หากคิดว่ายากเสียแล้วก็เปรียบเหมือนเป็นปราการด่านสำคัญในการแก้ไขเพื่อกลับเข้าสู่สมดุลได้
เอาเป็นว่าเปลี่ยนมุมมองก่อนก็ได้ โดยจากที่หลายคนมีความเชื่อว่าการจัดการเรื่องเงินทองเป็นเรื่องที่ยาก จริงๆแล้วเรื่องของเงินทองนั้นไม่ได้ยากอย่างที่หลายคนเข้าใจเลย
รวมถึงแก้ไขความคิดเสียใหม่ว่า เงิน...นั้นคือพระเจ้า เพียงเพราะมันสามารถนำไปใช้จับจ่ายซื้อของอะไรก็ได้ที่ตนต้องการ ความเชื่อเช่นนี้จะทำให้เงินนั้นอยู่เหนือเราและคอยบงการชีวิตเรา เราต้องมองใหม่ว่า จริงๆแล้วเงินนั้นไม่ใช่พระเจ้าและเงินนั้นสามารถที่จะจัดการได้ เงินคือทาสผู้ซื่อสัตย์ที่คอยรับใช้เรา เมื่อเชื่อได้แบบนี้เราก็จะสามารถจัดการการเงินของเราได้ และไม่ว่าเราจะอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจแบบใดเราก็สามารถอยู่ได้อย่างแน่นอน
บัญชีรายรับ-จ่าย สร้างสุข
อาจารย์รัก ชี้แนะการจัดการนิสัยทางด้านการเงินอย่างมีอรรถรสว่า เริ่มต้นได้อย่างง่ายๆในการจัดการกับตัวเอง นั่นคือ ต้องเริ่มทำบัญชีรายรับรายจ่ายของตนเอง แล้วเดี๋ยวเราจะรู้ได้เองว่าเราควรจะต้องทำอย่างไรต่อไป
พูดมาถึงตรงนี้ ก็เกิดคำถามว่า มันสามารถจัดการได้ง่ายขนาดนั้นจริงๆหรือ และดูเหมือนอาจารย์รักจะหยั่งรู้ได้จากทางสีหน้าของผู้ตั้งคำถาม จึงพูดเป็นเชิงว่าไม่ต้องเชื่ออาจารย์แต่ให้ลองทำดู เมื่อทำแล้วก็จะเข้าใจเองว่า รายรับรายจ่ายในแต่ละวันของเรานั้นมาจากไหนบ้าง เมื่อรู้ก็จะเห็นถึงต้นตอของปัญหาว่าอยู่ตรงไหน
อาจารย์รัก ยกตัวอย่างลูกศิษย์บางคนว่า เมื่อได้เริ่มต้นทำเพียงแค่เดือนแรกนั้นก็เห็นผลจากการทำบัญชีรายรับรายจ่ายได้แล้ว บางคนเงินหมดเพราะการกิน ถึงได้รู้ตัวว่าทำไมตนเองถึงอ้วนก็เป็นเพราะจ่ายเงิน เพื่อการกินตลอดเวลาจึงได้ตั้งต้นแก้ไขนิสัยของตนเองเสียใหม่ โดยการเปลี่ยนลักษณะนิสัยเรื่องการซื้อของกิน ทำให้ได้ประโยชน์ ทั้งเรื่องการจัดการเงินในกระเป๋าและแถมได้สร้างลักษณะนิสัยการกินใหม่อีกด้วย
ส่วนลูกศิษย์บางคนนั้นก็ตระหนี่ถี่เหนียวมาก แต่ยังคงมีปัญหาทางการเงินอยู่ตลอด เมื่อทำบัญชีจึงได้เข้าใจว่าเราเองตระหนี่ถี่เหนียวผิดเรื่อง อย่างเช่นประหยัดในเรื่องค่าหอพัก โดยเน้นถูกเข้าว่าไว้ก่อนเพื่อประหยัดไปใช้จ่ายส่วนอื่น เมื่อทำบัญชีก็พบว่าหอพักถูกนั้นอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยมาก ทำให้เสียค่าใช้จ่ายโดยส่วนใหญ่ไปกับการเดินทาง เมื่อค้นพบว่าปัญหาอยู่ที่ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จึงได้ตัดสินใจเสียเงินเพิ่มขึ้นกับหอพักที่อยู่ตรงมหาลัย แต่ไม่มีค่าเดินทางเข้ามา เท่านี้เองก็พบว่าเมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายกลับมีเงินเหลือเก็บ นี่คือการแก้ไขปัญหาโดยหาสาเหตุพบ เพียงแค่ทำบัญชีรายรับรายจ่ายเท่านั้นเอง
คนส่วนใหญ่มักแก้ไขปัญหาทางด้านการเงินของตนเองไม่ได้เพราะไม่เคยหาสาเหตุพบ นี่ก็คือการแก้ไขโดยเริ่มต้นหาสาเหตุ เพียงเรารู้ต้นตอของปัญหาเท่านั้นเราก็จะสามารถแก้ไขมันได้อย่างง่ายดาย และเมื่อเราแก้ไขปัญหาได้ เรามีเงินเหลือเพื่อเก็บเป็นเงินออมแล้ว เราก็สามารถนำเงินที่มีไปลงทุนได้ แต่ต้องลงทุนให้อยู่ในความสมดุล โดยเราต้องรู้ตนเองว่า เรารับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหนด้วย ไม่ใช่ลงทุนตามผู้อื่น นั่นถือว่าเป็นการลงทุนแบบขาดสติ ให้มองไกลๆแล้ววางแผนในการลงทุน โดยเมื่อเราวางเป้าหมายในระยะไกลแล้ว จะมีแรงขับเคลื่อนในการทำได้อย่างดี
ของคู่กัน ธรรมะกับเงิน
จุดเริ่มต้นธรรมะของอาจารย์รัก มาจากความชื่นชอบฟังเทศน์ เมื่อฟังก็เกิดความสงสัย จึงหาคำตอบโดยการค้นคว้าจากการอ่าน เมื่ออ่านเยอะขึ้นจึงได้เข้าใจและสนุก มีความสุขที่ได้เรียนรู้ในธรรมะ
อาจารย์รักยังบอกอีกว่า ธรรมะมันคือสิ่งที่อินเทรนด์มาก คือ สามารถตอบได้ทุกข้อสงสัยในชีวิต แล้วสามารถนำมาประยุกต์และปรับใช้กับชีวิตเรา ซึ่งน่าแปลกที่ธรรมะมันอยู่ในทุกอย่างที่เราทำเลย เมื่อมีธรรมะเราก็สามารถจะจัดการทุกอย่างได้อย่างมีสติและดีเยี่ยมมาก
โดยส่วนตัวของอาจารย์รักมองว่าธรรมะกับเงินนั้นเป็นของที่คู่กันจริงๆ และธรรมะนี่แหละที่เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตกลับเข้าสู่สมดุลได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ตามแนวทางของท่านโกเอ็นก้าที่อาจารย์รักปฏิบัตินั้น มักสอนให้เรารู้ตนอยู่ตลอดเวลาว่าเรากำลังทำอะไร ซึ่งต้องปฏิบัติในทุกๆวัน อาจารย์รักก็ได้ปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอโดยการนั่งสมาธิ และตามแนวทางท่านโกเอ็นก้านั้นสอนให้ปล่อยวางมองสิ่งต่างๆอย่างไม่ยึดติด เมื่อเรามองสิ่งต่างๆใหม่อย่างมีสติและไม่ยึดติดกับบางสิ่งบางอย่าง เงินทองหรืออะไรก็แล้วแต่เราก็ไม่ทุกข์
เหตุที่ทุกข์เพราะเรามัวแต่ไปยึดติด หากเกิดปัญหาใดๆก็หาสาเหตุของมันให้เจอ เมื่อเจอ เราก็แก้ไข หากแก้ไขยังไม่ได้ก็อย่าไปยึด ปล่อยๆไปเราก็จะไม่ทุกข์กับมัน นี่คือหลักปฏิบัติที่อาจารย์รักใช้ปฏิบัติเสมอมา และยังพูดกับกายใจแบบติดตลกว่าตนนั้นไม่ได้เก่งและไม่ได้รู้มากแต่อย่างใดเลย มีคนที่รู้มากกว่าตนอีกเยอะ หลักปฏิบัตินี้ยังแค่ในระดับหนึ่งเท่านั้น นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เห็นว่าการถ่อมตนนั้นเป็นเสน่ห์และน่านับถืออย่างยิ่งของอาจารย์รัก
อาจารย์รักมีความเชื่อในธรรมะจัดสรรเป็นอย่างยิ่ง โดยบอกเสมอว่า ปฏิบัติและทำดีอย่างไรก็จะพบเจอแต่สิ่งที่ดี ธรรมะท่านก็จะจัดสรรให้ไปพบเจอแต่กัลยาณมิตรเข้ามาหา ให้ได้ไปพบเจอและชักนำกันไปในทิศทางที่ได้ตั้งใจไว้ ไปที่ใดก็จะเจอกัลยาณมิตรที่เกื้อหนุน ทั้งยังยืนยันอีกว่าหากไม่ใช่ธรรมะจัดสรร ชีวิตของเธอคงไม่ได้มีสิ่งที่ดีอย่างทุกวันนี้
เชื่อในสังสารวัฏ
มีคำพูดที่อาจารย์รักพูดให้คิดว่า “พรุ่งนี้กับชาติหน้าอันไหนมันมาก่อนกัน เกิดมันมีเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่มีพรุ่งนี้ ชาติหน้าเกิดตัดหน้ามาก่อนพรุ่งนี้ล่ะจะทำอย่างไร” อาจารย์รักบอกว่าเธอไม่รู้เลยว่าอย่างไหนจะมาก่อนกัน แต่เราไม่เสี่ยงดีกว่าไหม โดยการทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะเราไม่รู้จริงๆว่าชีวิตเราจะอยู่ยาวนานได้อีกแค่ไหน และหากชาติหน้ามันมีอยู่จริงๆล่ะ เราก็ควรทำสิ่งดีๆ ทำชีวิตให้คุ้มค่าในแต่ละวันจะดีกว่า
เมื่อถามถึงความตายที่หลายคนกลัวและกังวล อาจารย์รักกลับตอบด้วยใบหน้าแย้มยิ้มว่า ไม่กลัวความตายแต่กลัวการเกิดมากกว่า เพราะคนเราเกิดมาย่อมตาย เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอมีความพร้อมเสมอที่จะตาย แต่การเกิดนี่สิ เราก็มาคิดว่าเราต้องมาเกิดวนเวียนเช่นนี้เหรอ มาทำแบบเดิมๆอย่างนี้อีกเหรอ มันดูแล้วเหนื่อยจริงๆ
ในเมื่อไม่อยากที่จะเวียนว่ายตายเกิด อาจารย์รักจึงได้ตั้งใจใช้ชีวิตเพื่อการปฏิบัติธรรม โดยมีแรงสนับสนุนที่ร่วมปฏิบัติ และมีความคิดเห็นเช่นเดียวกันจากครอบครัว ทั้งจากน้องสาวและน้องเขยทั้งหมดทั้งบ้าน ตอนนี้มาทางทางด้านสายการปฏิบัติธรรมหมด จึงเหมือนพูดคุยเป็นภาษาเดียวกันเข้าอกเข้าใจกันอย่างมาก
หากถามว่าการปฏิบัติต้องมุ่งละทิ้งทุกอย่างเลยหรือไม่ คำตอบที่ได้จากอาจารย์ก็คือ จะยังคงใช้ชีวิตเหมือนทุกวันเช่นคนปกติธรรมดานี่แหละ ไม่ถึงกับสละหรือละทุกอย่าง แค่ตั้งเป้าปฏิบัติตามแต่จะทำได้เท่านั้นซึ่งเป้าหมายสูงสุด ณ ตอนนี้ที่อาจารย์รักตั้งไว้ คือ การปฏิบัติให้บรรลุโสดาบันให้ได้
การตั้งเป้าหมายเช่นนี้ อาจารย์รักบอกว่ามันทำให้เกิดความพยายามที่จะทำ และมีเหตุมีผลกับสิ่งต่างๆรอบตัว นั่นคือ สามารถตอบได้ว่า ทำไมเราถึงไม่ควรซื้อลอตเตอรี่ และไม่ควรฆ่าสัตว์ กินเหล้า หลงในอุบายนั้น การที่เราเชื่อในเหตุผลที่ไม่พาตนเองเข้าไปติดในบ่วงกิเลสอีก ก็ถือเป็นสิ่งดีกับตนเองทั้งสิ้น เรื่องบุญกรรมเราก็ไม่รู้เป็นอย่างไร ใช้ชีวิตแบบไม่เสี่ยงย่อมดีที่สุด
เริ่มต้นธรรมะง่ายๆ
ความเชื่อในธรรมะแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความเชื่อของแต่ละคนก็เปลี่ยนยาก จริต ความชอบในการปฏิบัติของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน อาจารย์รักแนะว่าหากอยากปฏิบัติในทางธรรมจริงนั้น อยากให้หาตนเองให้เจอให้ได้ ว่าเราชอบแบบไหนอยากทำอะไร และเริ่มต้นจากความคิดที่ว่าธรรมะนั้นไม่ใช่เรื่องยาก
บางคนอาจคิดเสมอว่าธรรมะยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจ บางทีเมื่อเราเจอทางที่ต้องจริตของเรามันก็คือเรื่องง่ายไปเลย ฉะนั้นให้ทำในสิ่งที่ง่าย มีความสุขสนุกกับมัน โดยยกตัวอย่างที่ท่านอาจารย์ปยุต เคยกล่าวไว้ว่า การเริ่มต้นธรรมะต้องอยู่ในศรัทธาที่ถูกต้อง ความเชื่อที่ถูกต้องนั่นคือการไม่งมงาย และต้องมีความเพียรที่บริสุทธิ์ หากมีสองสิ่งดั่งที่กล่าวมาข้างต้นก็จะไม่ออกนอกลู่นอกทางอย่างแน่นอน







